แต่ปัจจัยในประเทศยังมีความกังวลเกี่ยวกับตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) ของกลุ่มธนาคาร หลังจากที่ช่องทีวีดิจิตอล 2 ช่องไม่จ่ายค่าไลเซ่นต์ ทำให้แบงก์อาจมีปัญหาเรื่อง NPL ได้และจะไปกดดันการลงทุนในหุ้นกลุ่มแบงก์
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็ปรับตัวลงด้วย ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียมีการเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบไม่มาก
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(27 พ.ค.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 18,162.99 จุด พุ่งขึ้น 121.45 จุด(+0.67%),ดัชนี
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 117.70 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 81.04 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.03 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 48.03 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 10.27 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.31 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.86 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(27 พ.ค.58)1,500.84 จุด เพิ่มขึ้น 2.86 จุด (+0.19%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 766.00 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 พ.ค.58
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(27 พ.ค.58) ปิดที่ 57.51 ดอลลาร์/
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(27 พ.ค.58)ที่ 8.41 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.74/76 คาดอ่อนต่อจาก Trend ดอลล์ยังแข็งค่า
- เจโทรโรดโชว์ครั้งแรกในไทย ดึงธุรกิจไทยลงทุนในญี่ปุ่น ระบุมีศักยภาพในธุรกิจ "ไฟฟ้า-บริการ-อาหาร" ล่าสุดลงทุนติดอันดับ 10 ด้าน ส.อ.ท.ชี้เงื่อนไขจูงใจ เร่งบีโอไอออกมาตรการส่งเสริมลงทุนนอก หวังดันธุรกิจไทยปักฐานในต่างแดน เตรียมถกสมาชิกหาลู่ทาง ขณะเอสซีจีเผยสนใจซื้อกิจการที่มีแบรนด์
- ไทยทีวี ประกาศอำลาธุรกิจทีวีดิจิทัล หลังขาดทุน 320 ล้าน เดินหน้าลุยทีวีดาวเทียม ด้าน กสทช.ย้ำยึดแบงก์การันตี "ไทยทีวี" กว่า 1.6 พันล้าน ขีดเส้นจ่ายงวด 2 ภายใน 15 วัน ชี้ขั้นตอน "เลิกประกอบกิจการ" ต้องส่งแผนเยียวยาผู้บริโภค หากปล่อย "จอดำ" ก่อน กสท.อนุมัติ เข้าข่ายไม่ปฏิบัติตามประกาศฯ เสี่ยงถูก "เพิกถอน" ไลเซ่นส์ ติดแบล็คลิสต์ปิทาง ออนแอร์ทีวีดาวเทียม "บัณฑูร" รับดิจิทัลทีวียังเสี่ยง
- นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีมติเห็นชอบให้เตรียมการนำระบบการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ระบบ e-bidding (อีบิดดิ้ง) มาใช้แทนการประมูลแบบ e-auction (อีออกชั่น) โดยเริ่มใช้ในการประมูลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2558 เป็นต้นไป เพื่อป้องกันการทุจริตการประมูลงาน และไม่ให้เกิดการฮั้วประมูลงานของผู้รับเหมา
- คลังเดินหน้าลดคุ้มครองเงินฝากเหลือ 25 ล้านบาท เริ่ม 11 ส.ค. ปีหน้า ลดเหลือ 1 ล้านบาท สคฝ.ขอความร่วมมือแบงก์พาณิชย์ทำความเข้าใจ ลูกค้า หวั่นตื่นตระหนก ยันไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ มั่นใจส่งผลดี ทำให้เห็นเศรษฐกิจยังไปได้ ระบบธนาคารมั่นคง
*หุ้นเด่นวันนี้
- PYLON(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 11 บาท ราคาหุ้นปรับลงมาในทิศทางเดียวกับหุ้นในกลุ่มรับเหมาซึ่งได้รับผลกระทบจากความล่าช้าของเมกกะโปรเจ็คของภาครัฐเช่นกัน แต่ด้วย Backlog ที่บริษัท 900 ล้านบาท และสัดส่วนของงานที่รับเฉพาะค่าแรงซึ่งเป็นงานที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง เพิ่มสูงขึ้น ทำให้เราคาดว่ากำไรสุทธิในปีนี้จะเดินหน้าทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 14% Y-Y และมีโอกาสสูงกว่าคาดหากบรรยากาศการลงทุนภาคเอกชนดีขึ้นเพราะงานฐานรากเป็นงานที่ส่งมอบเร็วและรับรู้รายได้เร็ว หลังจาก PYLON-W1 หมดอายุแล้วเมื่อ เม.ย.
- VNG(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 10.50 บาท เป็นอีกบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากเงินบาทที่อ่อนค่า เพราะบริษัทซื้อวัตถุดิบทั้งหมด (ยางพาราเป็นหลัก) เป็นเงินบาท ขณะที่ประมาณ 60-65% ของรายได้มาจากการส่งออก โดยมีตลาดหลักคือสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ซาอุดิอาระเบีย ซีเรีย เวียดนาม จีน (ราคาขายอิงดอลลาร์สหรัฐ) เป็นต้น และยังได้ประโยชน์จากราคายางพาราที่อยู่ในระดับต่ำ เห็นได้จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ขยับขึ้นเป็น 23-27% ในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา จาก 15-20% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยคาดกำไรสุทธิปีนี้โต 21% Y-Y ทำ new high ต่อเนื่องจากปีก่อน
- QH (บัวหลวง)"ซื้อ"เป้า 3.2 บาท ปัญหาเรื่องข้อกฎหมายรวมถึงปัญหา over supply ในตลาดบ้าน ฝ่ายวิจัยมอง QH ปีนี้เน้นเรื่องลดภาระหนี้ ที่ดินมีการซื้อสะสมไว้แล้ว ขณะที่มีเงินสดในมือ Cash on hand อยู่พอสมควร เรื่อง Business plan 1. Presale คาดว่าจะโตในระดับ 20% 2. Top line โตเฉลี่ย 10% 3.Gross Margin คาดว่าจะโตขึ้น เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากโครงการใหม่ 4.Core Profit คาดว่าโตได้ 14% ในปีนี้ 5.มูลค่าหุ้นที่ถืออยู่ใน HMPRO LHBANK และ QHPF ยังมีมูลค่าที่ต่ำอยู่
- AOT(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อ"เป้า 359 บาท ให้เป็นหุ้น Top Pick ในกลุ่มขนส่ง AOT ยืนยันกระทรวงการคลังไม่ขายหุ้นที่ถือ 70% ออกไป เนื่องจากเป็นรัฐวิสาหกิจที่ดี สามารถทำกำไรสูง และจ่ายปันผลสม่ำเสมอ ฝ่ายวิจัยมองแนวโน้มธุรกิจไปได้ดี จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในไทยเติบโตแข็งแกร่ง(เม.ย.+22%YoY)โดยประมาณการว่าปริมาณผู้โดยสารของ AOT ในปีนี้จะขยายตัว 15.5% และปริมาณเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 10.2% ทั้งนี้การที่ปริมาณผู้โดยสารต่างชาติมีสัดส่วนที่สูงขึ้นนั้นเป็นเรื่องดีกับบริษัท เพราะต่างชาติจะเสียค่าธรรมเนียม PSC อัตรา 700 บาท/คน ขณะที่ผู้โดยสารไทยจะเสีย 100 บาท/คน