สำหรับการเข้าซื้อกิจการ 2 รายแรกคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาส 3/58 หรือปลายปี 58 เกี่ยวข้องกับธุรกิจโลจิสติกส์และธุรกิจเว็ปไซต์ขายสินค้า ซึ่งหลังจากเจรเจาเข้าซื้อกิจการสำเร็จจะทำให้บริษัทเดินหน้าธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว ช่วยประหยัดเวลาในการขยายธุรกิจด้วยตัวเองทางหนึ่ง อีกทั้งยังไม่ต้องจัดตั้งทีมงานใหม่ และสามารถลงมือสร้างธุรกิจออนไลน์ให้กลุ่มเซ็นทรัลแข็งแกร่งได้ทันที
ขณะเดียวกันบริษัทยังมองถึงการขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด ซึ่งบริษัทจะนำธุรกิจที่ได้เข้าซื้อกิจการมาไปต่อยอดเพื่อขยายตลาดต่างประเทศเหล่านั้น โดยระยะแรกจะรุกเข้าไปใน 3 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เนื่องจากกลุ่มเซ็นทรัลได้เข้าไปลงทุนขยายกิจการไปบ้างแล้ว ซึ่งก็จะทำให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจได้ง่ายขึ้น คาดว่าปีหน้าจะได้เห็นความชัดเจนใน 2 ประเทศ ขณะที่คาดว่าใน 5 ปีจะขยายให้ครบประเทศในแถบประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)
"ในกลุ่ม 3 ประเทศดังกล่าวเป็นตลาดที่มีศักยภาพมาก ไม่ว่าจะเป็นจำนวนประชากรในเวียดนามที่มีมากถึง 90 ล้านคน อินโดนีเซียก็มีมากถึง 250 ล้านคน ส่วนมาเลเซียมีราว 25-30 ล้านคน แม้จะอยู่ในจำนวนไม่มาก แต่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูงและประเทศเหล่านี้ก็ล้วนแล้วแต่มีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีกว่าเมืองไทยระดับหนึ่ง ซึ่งหากรวมกันแล้วตลาดออนไลน์ก็มีขนาดใหญ่มากกว่าประเทศไทยถึง 10 เท่า"นายวรวุฒิ กล่าว
นายวรวุฒิ กล่าวอีกว่า กำไรสุทธิของบริษัทในปีนี้จะใกล้เคียงปีก่อนที่ทำได้ 439 ล้านบาท แม้จะวางเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 15% ทะลุ 1 หมื่นล้านบาท จาก 9.92 พันล้านบาทในปีที่แล้วก็ตาม เนื่องจากปีนี้จะเน้นการลงทุนและขยายงาน โดยเฉพาะในธุรกิจออนไลน์ ซึ่งจะเพิ่มบุคลากรจำนวนมาก ส่งผลให้แนวโน้มกำไรและรายได้ในไตรมาส 2/58 ทรงตัวจากไตรมาสแรกที่มีกำไรสุทธิ 128 ล้านบาท และรายได้รวม 2.7 พันล้านบาท
"เราคาดรายได้ปีนี้น่าจะทะลุหมื่นล้านบาท ปีนี้ก็จะมีออนไลน์เข้ามา เรามุ่งเน้นตรงนี้มาก แม้ตอนนี้สัดส่วนยังน้อยแต่คาดว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะตลาดมันใหญ่ปีนี้ก็เป็นปีแห่งการขยายและลงทุนของเราจริงๆ ซึ่งปีนี้เราก็มีเป้าเพิ่มสินค้า 1.2 แสนรายการ จากปัจจุบัน 5 หมื่นรายการทั้งนี้ก็เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือก"นายวรวุฒิ กล่าว
นายวรวุฒิ กล่าวว่า สำหรับรายได้ในปีนี้จะมาจากธุรกิจออฟฟิศเมทราว 60% ธุรกิจ B2S ราว 30% ส่วนที่เหลืออีก 10% มาจากธุรกิจออนไลน์ ล่าสุดได้เปิดตัวเว็บไซต์เซ็นทรัลออนไลน์อย่างเป็นทางการแล้ว โดยมียอดขายเติบโต 20% ต่อเดือน ขณะที่มีเป้าหมายรายได้จากธุรกิจออนไลน์ 800 ล้านบาท ซึ่งจะเพิ่มสินค้าเข้าให้ครบ 1.2 แสนรายการ จากปัจจุบันมีทั้งหมด 5 หมื่นรายการ ขณะเดียวกัน บริษัทจะพยายามรักษาอัตรากำไรสุทธิในปีนี้ไว้ที่ 4% ใกล้เคียงปีก่อน