อย่างไรก็ตาม คาดว่ารายได้และกำไรสุทธิไตรมาส 2/58 จะมากกว่าไตรมาส 1/58 ที่มีรายได้ 1.8 พันล้านบาทและกำไรสุทธิ 106.5 ล้านบาท เนื่องคำสั่งซื้อของลูกค้าเริ่มทยอยกลับเข้ามา และบริษัทจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงไตรมาส 1/58 ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ไปแล้ว 4 ชนิด และเตรียมออกในช่วงที่เหลือของปีนี้อีก 16 ชนิด แบ่งเป็นยารักษาโรค 12 ชนิด, ยาเพื่อสุขภาพ 7 ชนิด และยาสามัญประจำบ้าน 7 ชนิด
"ปีนี้เรายังมั่นใจรายได้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้ไตรมาส 1/58 จะเติบโตได้เพียง 5.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากช่วงปลายปีจะมีการตุนสินค้า ทำให้ยอดขายไม่มากนักในช่วงไตรมาสแรก แต่ยอดคำสั่งซื้อจะเริ่มเข้ามาดีขึ้นตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/58 เป็นต้นไป และสัดส่วนรายได้ของทั้งปี จะมาจากครึ่งปีแรก 45% และอีก 55% จะมาจากในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมายอดขายก็ปรับตัวดีขึ้นทั้งในสินค้าเดิม และสินค้าใหม่ อย่างไรก็ตามเราก็ยังมีการติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เพราะยังมีความน่าเป็นห่วงแม้ว่าจะเติบโตได้อย่างช้าๆก็ตาม"นายวิเวก กล่าว
นายวิเวก กล่าวว่า เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทฯอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้าร่วมลงทุนกับพัธมิตรในโรงงานผลิตยา ประเทศอินโดนีเซีย โดยบริษัทฯคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงไตรมาส 3/58 นี้
สำหรับเงินลงทุนที่มีไว้เพื่อรองรับการลงทุน ทั้งด้านการเข้าซื้อกิจการ และการรวมลงทุนใหม่ๆนั้น บริษัทฯยังมีความพร้อมเนื่องจากปัจจุบันบริษัทฯมีเงินที่เหลือจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ราว 2 พันล้านบาท และยังมีความสามารถในการกู้จากสถาบันทางการเงินได้เพิ่มเติมอีก