บล.เคเคเทรด ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.บ้านปู(BANPU)ราคาหุ้นปรับลดลง 11% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดและราคาถ่านหินที่ลดลง แต่ปัจจัยพื้นฐานยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยคาดว่ากำไร BANPU จะมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง แม้ 2Q58 โรงไฟฟ้า BLCP จะมี Unplanned Shutdown และปริมาณขายถ่านหินจาก CEY ที่ลดลงเนื่องจากมีแผนย้ายอุปกรณ์ แต่ยังเชื่อว่าจะเห็นกำไรสุทธิ 2Q58 เติบโต ขณะที่กำไรสุทธิ 2H58 เติบโตต่อเนื่องจากการรับรู้รายได้จากโครงการหงสา(หน่วยที่ 1) เต็มไตรมาส
โครงการหงสาเดินหน้าตามแผน โครงการหงสาถือเป็น Key Drive สำคัญของผลประกอบการของ BANPU ในช่วง 2 – 3 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะใน 2H58 ที่จะรับรู้รายได้จากหน่วยที่ 1 เต็มไตรมาส และหน่วยที่ 2 ในอีก 2 เดือนสุดท้ายของปี ขณะที่กำไรปกติ 1Q58 คิดเป็น 22% ของประมาณการปี 2558 โดยโครงการดังกล่าวจะทำกำไรในปี 2558 อยู่ที่ 469 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 1.8 พันล้านบาท และ 3 พันล้านบาท ในปี 2559 – 2560 (BANPU ถือหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้าหงสาสัดส่วน 40%)
ธุรกิจถ่านหินผ่านจุดต่ำสุดแล้ว แต่ยังมีความเสี่ยง โดยยังคงสมมติฐานราคาถ่านหินปี 58 ที่ 60 เหรียญต่อตัน ลดลง 15.4%YoY โดยธุรกิจยังมีปัญหา Over Supply ขณะที่การนำเข้าถ่านหินจากเมืองจีนจะลดลงตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตามแรงกดดันต่อราคาถ่านหินจะเริ่มลดลง หลังจากความต้องการใช้จากประเทศผู้ผลิตหลักอย่างอินโดนีเซียเริ่มปรับเพิ่ม ทำให้ตลาดคาดหมายว่าจะมีการส่งออกถ่านหินจากประเทศผู้ผลิตหลักลดลง ขณะที่สหรัฐฯ มีการปิดเหมืองถ่านหินต้นทุนสูงอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณส่งออกถ่านหินสะสมในปี 2558 (YTD) ลดลง 6%YoY
ระยะยาวยังเชื่อว่า Demand ราคาถ่านหินยังมีโอกาสปรับเพิ่ม จากแผนขยายโรงไฟฟ้าถ่านหินใหม่ของประเทศในภูมิภาคเอเชียโดยเฉพาะจากอินเดีย ด้านธุรกิจถ่านหินของ BANPU เชื่อว่าราคาขายจะยังคงได้รับผลกระทบจากภาพรวมธุรกิจ แต่อัตรากำไรขั้นต้นจะเริ่มฟื้นตัวจาก 32% ในปี 2557 เป็น 35% ใน 1Q58 ที่ผ่านมาจากแผนการลดต้นทุนผลิต ทำให้เชื่อว่าจุดต่ำสุดของธุรกิจถ่านหิน BANPU ผ่านไปแล้ว