ดังนั้น บริษัทจึงมั่นใจรายได้ปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ราว 4,000 ล้านบาท หรือเติบโต 150% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2,613.11 ล้านบาท และกำไรสุทธิก็จะเติบโตกว่าเท่าตัวจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 486 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) 6,400 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ในช่วงที่เหลือของปีอีก 3,500 ล้านบาท จากไตรมาสแรกรับรู้ไปแล้ว 822 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะรับรู้รายได้ในปีถัดไป
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่จำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวม 8,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการคอนโดมิเนียมที่ตำบลแพรกษา จังหวัดสมุทรปราการ มูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาท จำนวนห้องพักประมาณ 1,000 ยูนิต เจาะลูกค้ากลุ่มระดับ B-C และโครงการในทำเลบางบัวทอง มูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาท ทั้ง 2 โครงการเป็นรูปแบบ mixed-use คาดว่าจะเปิดขายในช่วงไตรมาส 4/58 เพื่อทยอยรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ในช่วงปี 59-60
ส่วนโครงการเดอะ ไมอามี่ บางปู มูลค่าโครงการ 5,500 ล้านบาท เริ่มเปิดขายแล้วและสร้างยอดขายได้แล้ว 40% น่าจะรับรู้รายได้ทั้งหมดภายในปี 59
นายทนงศักดิ์ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีหลังนี้น่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก จากรูปแบบของโครงการที่มีความทันสมัยมากขึ้น ตรงตามความต้องการของลูกค้ามากขึ้น ขณะที่บริษัทฯ วางงบลงทุนซื้อที่ดินไว้อย่างน้อย 1,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการไปจนถึงปี 62 ปัจจุบันบริษัทฯมีที่ดินอยู่แล้วจำนวน 4 แปลง
สำหรับแหล่งที่มาของเงินลงทุนจะมาจากการระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแระ(IPO)ที่ยังมีอยู่ 1,600 ล้านบาท และกระแสเงินสดที่มีอยู่ในบัญชีธนาคารราว 1,700 ล้านบาท