อย่างไรก็ตาม บริษัทจะรักษาอัตรากำไรสุทธิปีนี้ไว้ที่ 8-10% จาก 9.9% ในปีก่อน โดยจะเน้นควบคุมต้นทุนอย่างมีปประสิทธิภาพ
"เราลดเป้ารายได้ปีนี้เหลือ 5-5.5 พันล้านบาท เพราะหลักๆมาจากงานรัฐที่ชะลอออกไปรวมไปถึงงานรัฐวิสาหกิจประกอบกับเศรษฐกิจที่ยังซบเซาอีกทั้งการแข่งขันค่อนข้างสูง ทำให้การแข่งขันราคาสูงขึ้น"นายศิริพงษ์ กล่าว
นายศิริพงษ์ กล่าวว่า รายได้และกำไรสุทธิในไตรมาส 2 /58 คาดว่าจะใกล้เคียงกับไตรมาส 1/58 ที่มีกำไรสุทิอยู่ที่ 142 ล้านบาท และมีรายได้อยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทจะรับรู้รายได้จากมูลค่างานในมือ (Backlog) ที่มีอยู่เท่านั้น โดยไม่มีงานใหม่เข้ามา ขณะที่ปัจจุบันมี Backlog ระดับ 2.37 พันล้านบาท รับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ 1.82 พันล้านบาท และอีก 552 ล้านบาทจะรับรู้เป็นรายได้ในปี 59
ขณะที่บริษัทยังอยู่ระหว่างรอผลประมูลงานในครึงปีหลังมูลค่ารวม 1.46 พันล้านบาท ซึ่งเป็นงานภาครัฐ 90% โดยคาดว่าจะทราบผลตั้งแต่ไตรมาส 3/58 เป็นต้นไป โดยบริษัทหวังจะได้รับงาน 40-50% จากมูลค่างานทั้งหมด นอกจากนี้ช่วงที่เหลือของปีบริษัทคาดว่าจะเข้าร่วมประมูลงานอีกราว 6.5 พันล้านบาท หากภาครัฐมีการประกาศโครงการต่างๆออกมาอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เจรจากับพันธมิตรทั้งในไทยและกัมพูชาเพื่อร่วมทุนในการดำเนินโครงการเกี่ยวกับธุรกิจ ICT ในไทยและในกัมพูชา ส่วนของโครงการที่จะร่วมดำเนินงานนั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ แต่ส่วนของโครงการ ICT ในกัมพูชาจะร่วมกับพันธมิตรในกัมพูชาและสิงคโปร์ เพื่อตั้งบริษัทร่วมทุนโดยจะถือหุ้นสัดส่วนเท่ากัน คาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนในช่วงเดือนส.ค.นี้ทั้ง 2 โครงการ มูลค่าลงทุนเบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 200 ล้านบาท