สำหรับธุรกิจนายหน้าหลักทรัพย์ ปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีส่วนแบ่งทางการตลาด(มาร์เก็ตแชร์)ใกล้เคียงปีก่อนที่ระดับ 10.56% ภายใต้คาดการณ์มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของตลาดหลักทรัพย์อยู่ที่ 4.5 หมื่นล้านบาทใกล้เคียงปีก่อน ขณะที่บริษัทตั้งเป้าจะเพิ่มปัญชีลูกค้าอีก 2 หมื่นบัญชีจากปัจจุบันมี 1.75 แสนบัญชี แบ่งเป็นสัดส่วนลูกค้ารายย่อย 90% สถาบันในประเทศ 4% สถาบันต่างประเทศ 6%
ส่วนงานไอบี บริษัทมีงานในมือทั้งสิ้น 22 ดีล คาดว่าปีนี้จะสรุปได้ 7-8 ดีล แบ่งเป็นงานที่ปรึกษาทางการเงินในการเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไป(IPO) 3-4 ดีลและงานที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อซื้อกิจการและควบรวมกิจการ(M&A)อีก 1-2 ดีล
"เรายังคงรักษามาร์เก็ตแชร์อันดับ 1 ไว้ให้ได้ กิมเอ็งมีการบริหารความเสี่ยงที่ยังทำได้ดี เช่น การเตือนลูกค้าจากปัจจัยความผันผวน และ ยังสามารถสานสัมพันกับลูกค้าได้ดีในการเข้าไปลงทุนต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมีเป้าหมายจะมีสาขาธนาคารในประเทศไทย ซึ่งจะทำให้มีความครบวงจรมากขึ้น เป็นเป้าหมายในระยะ 3-5 ปีนี้" นายมนตรี กล่าว
นายมนตรี มองเป้าหมายดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของไทย(SET Index)ปีนี้อยู่ที่ 1,650 จุด โดยบริษัทยังคงเป้าหมายกำไรบริษัทจดทะเบียน(บจ.)เติบโต 15% ซึ่งการบริโภคภายในประเทศเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวขึ้นอย่างช้าๆ และเศรษฐกิจของไทยยังมีการขับเคลื่อนผ่านการท่องเที่ยวที่เข้ามาช่วยหนุนให้มีการเติบโตไปได้ ขณะที่นักลงทุนญี่ปุ่นยังคงให้ความสนใจลงทุนในประเทศไทยอยู่ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์
ส่วนกรณีธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)มีการส่งสัญญาณจะขึ้นดอกเบี้ยในไตรมาส 3/58 นายมนตรี คาดว่า เฟดไม่น่าจะขึ้นดอกเบี้ยเร็ว เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่แข็งแรง และเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ อีกทั้งค่าเงินดอลลาร์ยังแข็งค่า หากจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลทำให้ค่าเงินถูกซ้ำเติมลงไปอีก ดังนั้น จึงมองว่าอัตราดอกเบี้ยน่าจะอยู่ในระดับต่ำต่อไป โดยแนะนำการลงทุนช่วงนี้ในธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำและให้ผลตอบแทนสูง