การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ โดยแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,509.06 จุด ส่วนดัชนีทำระดับต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,490.29 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 585 หลักทรัพย์ ลดลง 356 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 243 หลักทรัพย์
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผุ้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นสวนทางตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างอยู่ในแดนลบ เนื่องจากได้แรงส่งจากหุ้นบลูชิพ อย่างหุ้น PTT, KBANK เป็นต้น ทำให้โมเมนตัมของตลาดฯในทางเทคนิคฟื้นตัว ส่งผลให้นักลงทุนกล้าที่จะกลับเข้ามาซื้อหุ้นขนาดกลาง-เล็ก
"แรงซื้อที่เข้ามาน่าจะมาจากนักลงทุนรายสถาบันที่เข้ามาซื้อหุ้นขนาดใหญ่ อย่าง PTT, KBANK ทำให้ตลาดฯไม่ปรับตัวลง ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนกล้ากลับเข้ามาซื้อหุ้นขนาดกลางและเล็ก สัญญาณทางเทคนิคจึงเป็นสัญญาณซื้อได้"
นายถนอมศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับปัจจัยนอกประเทศเป็น Sentiment ในเชิงลบ ทั้งจากเรื่องของกรีซที่ยังต้องเฝ้าติดตาม และ Bond Yield ของทั้งยุโรป และสหรัฐฯได้ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งทำให้มีผลต่อตลาดหุ้น เนื่องจากมีการมองกันว่ามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)ใกล้จะยุติหรือเปล่า และธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือเปล่า อีกทั้งเม็ดเงินต่างชาติบางส่วนอาจย้ายเข้ามาที่ตลาดหุ้นไทยบ้างก็ได้ เนื่องจากที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยถือว่า Laggard
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า ตลาดฯยังมีลุ้นที่จะปรับตัวขึ้นไปได้ต่อ โดยตลาดฯเริ่มมีแรงซื้ออาจทำให้ดัชนีฯขยับขึ้นไปก่อนที่จะย่อลงมา โดยให้จับตา High เดิมที่ 1,536 จุด ถ้าทะลุได้จะเป็นสัญญาณซื้อกลับ แต่คิดว่าไม่ทะลุ เพราะน่าจะมีแรงขายทำกำไรในระหว่างทางก่อน
พร้อมให้แนวรับ 1,498-1,480 จุด ส่วนแนวต้าน 1,520-1,530 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,145.36 ล้านบาท ปิดที่ 308.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท
JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,969.60 ล้านบาท ปิดที่ 6.15 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท
PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,626.38 ล้านบาท ปิดที่ 67.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,412.54 ล้านบาท ปิดที่ 346.00 บาท เพิ่มขึ้น 9.00 บาท
TASCO มูลค่าการซื้อขาย 1,300.09 ล้านบาท ปิดที่ 20.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท