สำหรับผลการดำเนินงานช่วง 5 เดือนแรกปีนี้มียอดขายแล้ว 2 พันล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปีนี้จะมียอดขาย 5.5 พันล้านบาท ขณะที่มีแผนเปิดโครงการคอนโดมิเนียม 2 แห่งในช่วงครึ่งหลังปีนี้ มูลค่ารวมกว่า 4 พันล้านบาท ขณะที่ในปีหน้ามีแผนจะเปิด 10 โครงการ มูลค่ารวมกว่าหมื่นล้านบาท
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า การเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 180 ล้านหุ้นจะดำเนินการภายหลังจากที่คณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ได้มีการอนุมัติเอกสารเกี่ยวกับคำขอเสนอขายหลักทรัพย์และการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)เสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยการขายหุ้น IPO คาดว่าจะเสนอขายให้กับนักลงทุนสถาบัน 40% และอีก 60% จะขายให้กับนักลงทุนรายย่อย ซึ่งเงินที่ได้จากการระดมทุนบริษัทจะนำไปใช้เพื่อการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทในอนาคต
ขณะที่ปีนี้บริษัทคาดว่าจะทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่ 5.5 พันล้านบาท โดยในช่วงครึ่งแรกปีนี้คาดว่าจะทำยอดขายได้ 2.5 พันล้านบาท หลังช่วง 5 เดือนแรกทำได้แล้วราว 2 พันล้าบาท และในครึ่งปีหลังคาดว่าจะทำยอดขายได้ 3 พันล้านบาท จากการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่อีก 2 โครงการ ที่ศรีราชาและแหลมฉบัง จ.ชลบุรี มูลค่ารวมกว่า 4 พันล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรกบริษัทเปิดโครงการใหม่รวม 5 โครงการ มูลค่า รวม 3.22 พันล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทมีแผนจะนำโครงการไปโรดโชว์ในงานที่ต่างประเทศเพื่อเสนอให้กับลูกค้าต่างชาติที่มีสัดส่วน 12% โดยอันดับหนึ่งเป็นลูกค้าชาวญี่ปุ่น อันดับสองคือลูกค้าชาวสิงคโปร์ และอันดับสามคือลูกค้าชาวจีน โดยในเดือนส.ค.นี้จะนำโครงการ 4-5 โครงการย่านสุขุมวิท ไปออกบูธในงานแฟร์ที่กวางโจว ของจีน โดยเดินทางไปกับธ.กสิกรไทย (KBANK ) ซึ่งเป็นผู้จัดหาโควตาให้กับบริษัท
ส่วนยอดขายรอโอน (Backlog) ของบริษัทในปัจจุบันอยู่ที่กว่า 5 พันล้านบาท โดยจะรับรู้รายได้ในปีนี้กว่า 1 พันล้านบาท และส่วนที่เหลือจะทยอรับรู้รายได้ไปจนถึงปี 61 โดยยอดขายรอโอนที่มีอยู่ทำให้มั่นใจว่ารายได้ในปีนี้ยังเป็นไปตามเป้าที่มากกว่า 2 พันล้านบาท หลังจากไตรมาส 1/58 บริษัทมีรายได้แล้ว 489.50 ล้านบาท
นอกจากนี้ภายหลังจากนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯแล้วบริษัทคาดว่าจะเปิดโครงการใหม่ในปีต่อไปประมาณ 10 โครงการ มูลค่ารวมราว 1 หมื่นล้านบาท โดยจะเป็นโครงการคอนโดมิเนียมทั้งหมด ขณะเดียวกันบริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาการทำโครงการแนวราบด้วย ซึ่งคาดว่าจะเริ่มทำได้ภายใน 2 ปีข้างหน้า
นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันมีแนวโน้มดีขึ้น โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ถึง 2 ครั้ง รวม 0.5% ส่งผลดีต่อตลาดคอนโดมิเนียมพร้อมโอน ช่วยให้ภาระด้านดอกเบี้ยเงินผ่อน ของลูกค้าลดลง นอกจากนี้ในช่วงคาบเกี่ยวระหว่างไตรมาส 2 และไตรมาส 3 จะได้รับแรงหนุนจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ซึ่งอาจจะส่งผลให้มีกำลังซื้อมากขึ้น แม้ว่าหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง แต่ก็ลดลงมาบ้างแล้ว โดยปัจจุบันอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของบริษัทอยู่ในระดับที่ต่ำมากที่ 3% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดรวมที่ 20%