ด้านปัจจัยในประเทศ วันที่ 10 มิถุนายน นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งปัจจุบันธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้น้ำหนักกับตัวเลขการส่งออกค่อนข้างมาก ซึ่งการประชุมครั้งที่ผ่านมา กนง. ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปแล้ว ทั้งนี้ มุมมองว่า กนง. จะปรับลดดอกเบี้ยอีกหรือไม่ ยังไม่ชัดเจนนัก แต่หากมองจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอยู่ ซึ่งยังคงเป็นไปตามความต้องการของ กนง. หาก กนง. คงอัตราดอกเบี้ยก็จะไม่ได้กระทบต่อตลาด
แต่หาก กนง. มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้อีก ก็น่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจโดยเฉพาะภาคการส่งออก ซึ่งจะส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มอิเลคทรอนิค และกลุ่มสินค้าเกษตร แต่เม็ดเงินลงทุนในหลักทรัพย์จากต่างประเทศจะไหลเข้าน้อยลงเนื่องจากอาจจะขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนได้ ซึ่ง SET Index อาจจะโดนกระทบจากการที่ต่างชาติไม่เข้าซื้อเพิ่ม และการขายออกของต่างชาติ แต่นักลงทุนในประเทศจะเข้ามาลงทุนมากขึ้น เนื่องจาก Sentiment ของตลาดดี ทำให้โดยรวมมองว่า ตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ ไม่ไปไหน
“ด้านเทคนิค สัปดาห์นี้เรามองแนวรับสัปดาห์นี้ที่ 1,486 จุด และแนวต้านที่ 1,518 จุด สำหรับคำแนะนำการลงทุน หากมอง Flow การลงทุนของตลาดโลก ที่มีการเทขายพันธบัตร ออกมาเยอะและกองทุนทั้งหลายในโลกหันเข้ามาซื้อหุ้น แสดงให้เห็นว่า ทั่วโลกมองว่าเศรษฐกิจโลกเริ่มต้นที่จะฟื้นตัว และตลาดหุ้นน่าจะอยู่ในขาขึ้น แต่ยังถูกกดดันจากปัจจัยเรื่องกรีซและการที่สหรัฐฯจะขึ้นดอกเบี้ยปีนี้อยู่ ดังนั้น คำแนะนำ การลงทุนในช่วงนี้ คือให้ทยอยเก็บหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีที่มี Valuation ถูก โดยเน้นหุ้นที่มี Dividend yield สูง เพื่อให้มีเงินปันผลมาชดเชยในช่วงที่หุ้นยังอ่อนแออยู่ และเรายังมีหุ้นดีอยู่ในมือ โดยทยอยรับ ไม่ไล่ราคา เช่น ADVANC, INTUCH , และ BTS รวมทั้งหุ้นที่ธุรกิจมีการฟื้นตัวอย่างชัดเจน หรือ Turnaround เช่น PTTGC, PTT, และ WORK" นายวรุตม์ กล่าว
Trading Idea ของ บล.เอเชีย เวลท์ แนะนำลงทุนในหุ้น บมจ.แม็คกรุ๊ป (MC) ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูป และเครื่องแต่งกาย เช่น กางเกงยีนส์ และนาฬิกาแฟชั่น ด้วยแนวโน้มธุรกิจที่จะเติบโตได้ดีในปีนี้ จากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่จะค่อย ๆ ดีขึ้น หลังจากที่รัฐบาลเบิกจ่ายงบประมาณการลงทุนของภาครัฐ ซึ่งคาดว่าเมื่อสิ้นปีงบประมาณในเดือนกันยายน รัฐบาลน่าจะมีการเบิกจ่ายไม่ต่ำกว่า 87% ซึ่งจะผลักดันให้ภาคเอกชนมีการลงทุน และกระตุ้นการใช้จ่ายการบริโภคของภาคครัวเรือนให้เพิ่มสูงขึ้นในช่วงดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อ MC จะมียอดขายที่ดีขึ้น
“ปีนี้และปีหน้า เราประเมินว่า MC จะมีอัตราการขยายตัวของกำไรที่ระดับ 15-18% และมี Dividend yield ที่ระดับ 4.6-4.9% ส่วน P/E อยู่ที่ระดับ 15 เท่า และ ในแง่ Valuation ของ MC ราคาหุ้นยังต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน ในเชิงเทคนิค เกิดสัญญาณซื้อรายวัน และรายสัปดาห์ที่แข่งแกร่ง และเริ่มเห็นสัญญาซื้อรายเดือน จึงแนะนำซื้อ MC โดยเราให้ราคาเป้าหมาย ที่ 23.60 บาท" นายวรุตม์ กล่าว