"ที่ผ่านมาได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การลดสัดส่วนเหลือ 47% หรือการลาออกจากการเป็นกรรมการของคุณแจ็ค มินทร์ อิงค์ธเนศ ก็ยังไม่เพียงพอ การลดสัดส่วนการถือหุ้นในครั้งนี้จาก 47% เหลือ 39.50% ก็จะเพียงพอที่บริษัทแม่ไม่มีอำนาจควบคุมอีกต่อไป บนความเห็นของผู้สอบบัญชีของ SVOA ทั้งนี้ SVOA ได้ยืนยันว่าต้องการที่จะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่ยืนคียงข้างกับ LIT ไปตลอด หากไม่มีความจำเป็นเรื่องการ Consolidate งบการเงินแล้ว SVOA ก็ไม่เคยต้องการลดสัดส่วนการถือหุ้นในลงเลย"นายสมพล กล่าว
พร้อมทั้งระบุว่า หากไม่จัดโครงสร้างทางการเงินในครั้งนี้ โดยปล่อยให้งบการเงินของ LIT มา Consolidate กับบริษัทแม่ ตามมาตรฐานการบัญชีใหม่จะทำให้ SVOA มีปัญหาในเรื่องของการมีภาระเงินกู้ที่มากเกินไปไม่เหมาะสมกับกิจการที่ซื้อมาขายไป (Trading) อย่าง SVOA ที่ควรมี D/E ratio เงินกู้ให้ไม่เกิน 2-3:1 ซึ่งจะกระทบกับการดำเนินธุรกิจของ LIT เอง เพราะอาจต้องกลับไปใช้เงื่อนไขเงินกู้เดียวกับ SVOA ซึ่งจะเป็นอุปสรรคในการขยายงานอย่างมาก เพราะด้วยลักษณะธุรกิจของอุตสาหกรรมที่เหมือนกับ LIT สามารถที่จะมี D/E ratio ได้ถึง 5-7 : 1 เท่า ซึ่งทำให้การดำเนินธุรกิจมีความคล่องตัว
“การลดสัดส่วนการถือหุ้นในครั้งนี้ จะช่วยให้ทั้งในส่วนของ SVOA ในฐานะบริษัทแม่ และ LIT มีความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ ไม่ต้องกังวลในเรื่องสัดส่วนหนี้สินต่อทุน และมั่นใจว่าปีนี้พอร์ตสินเชื่อของ LIT จะแตะที่ระดับ 1,000 ล้านบาท ขณะที่รายได้และกำไรคาดว่าจะเติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 30% ได้อย่างแน่นอนและที่สำคัญการลดสัดส่วนของ SVOA จะเป็นการเพิ่ม Free Float ให้หุ้น LIT มีสภาพคล่องหมุนเวียนในตลาดมากขึ้น" นายสมพล กล่าว