ปัจจุบันมีองค์กรพันธมิตรที่เข้าร่วมโครงการจัดอบรมความรู้การวางแผนการเงินให้กับพนักงาน อาทิ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย(SCC), บมจ.ปตท.(PTT) ,เครือสหพัฒน์, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.), บริษัท ฮีโน่มอเตอร์สแมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย), การไฟฟ้านครหลวง(กฟน.), กรมชลประทาน, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.), โรงงานยาสูบ, บริษัท เอสบี เฟอร์นิเจอร์ ,บริษัท มารีนโกลด์โปรดักส์ เป็นต้น
นางเกศรา กล่าวว่า ในปีนี้ ตลท.ยังคงแผนเป้าหมายมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม(Market Cap.)เพิ่มขึ้นจากหุ้นบริษัทจดทะเบียนใหม่(IPO)ราว 2 แสนล้านบาท จากปัจจุบันทำได้แล้ว 1.48 แสนล้านบาท และมองว่ามูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันน่าจะอยู่ที่ 50,000 ล้านบาท รวมถึงบัญชีของผู้ลงทุนเพิ่มขึ้น 95,000 บัญชีได้
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถือว่ายังอยู่ในอันดับที่ 1 เมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศอาเซียน ทั้งในเรื่องของการเข้าจดทะเบียนของบริษัทใหม่ๆ(IPO), Index movement ขณะที่ P/E เฉลี่ยที่ขณะนี้อยู่ที่ 15 เท่า ถ้าเทียบกับกลุ่มประเทศอาเซียนก็ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ
"ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงเป้าหมายดังกล่าวไว้อยู่ แต่สิ่งที่จะต้องทำเพิ่มเติมคือการดำเนินการให้ ตลท.มุ่งสู่ความยั่งยืน และทำอย่างไรให้บริษัทจดทะเบียนไทย รวมถึงนักลงทุนไทย ตระหนักถึงความยั่งยืน"นางเกศรา กล่าว
สำหรับกรณีที่เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์แตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)คนใหม่ได้ปรับรูปแบบการหารือร่วมกับ ตลท.จากเดิมทุกไตรมาส เปลี่ยนมาเป็นทุกเดือนนั้น นางเกศรา มองว่า หาก ก.ล.ต.มีเรื่องด่วนที่จะต้องหารือกับทาง ตลท.ก็สามารถทำได้ทันที โดยไม่ต้องรอให้ถึงกำหนดระยะเวลา ซึ่งจะทำให้ทั้งสององค์กรมีการทำงานร่วมกันได้ดีมากยิ่งขึ้น