ขณะที่บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรท้องถิ่นเพื่อขยายสาขา"วุฒิศักดิ์ คลินิค"ไปยังประเทศอินโดนีเซีย อินเดีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งน่าจะเห็นความชัดเจนปี 59 เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 20-30 ล้านบาท/แห่ง ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีสาขาในต่างประเทศแล้ว 12 สาขา กระจายอยู่ในกลุ่ม CLMV (ลาว พม่า กัมพูชา เวียดนาม)
นอกจากนั้น บริษัทยังคงแผนจะผลักดัน บริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริหาร"วุฒิศักดิ์ คลินิค"เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปีหน้า หลังจากแต่งตั้ง บล.กสิกรไทย เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ทั้งนี้ บริษัทไม่ได้ต้องการระดมทุนมาใช้ขยายสาขา แต่จะเน้นการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งและเติบโตอย่างโดดเด่น ด้วยรูปแบบการเติบโตที่มีความแตกต่าง
นายธีรวุทธิ์ กล่าวถึงแนวโน้มผลประกอบการของ EFORL ว่า รายได้และกำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 2/58 จะออกมาใกล้เคียงไตรมาส 1/58 ที่มีกำไรสุทธิ 103 ล้านบาท และรายได้ 1.18 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าทั้งปีนี้รายได้และกำไรสุทธิจะเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะรายได้ที่คาดว่าจะทำได้สูงกว่า 4 พันล้านบาท จากปี 57 ที่มีรายได้ 1.49 พันล้านบาทและกำไรสุทธิ 240 ล้านบาท
ล่าสุด บริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเมือกหอยทากชื่อว่า สยามสเนล(Siamsnail) โดยจะเริ่มจำหน่ายในเดือน มิ.ย.นี้เป็นเดือนแรก ซึ่งจะเน้นจำหน่ายในสาขาวุฒิศักดิ์คลีนิคที่มี 121 สาขาทั่วประเทศ โดยบริษัทจะเน้นกลยุทธ์การเพิ่มยอดขายในสาขาเดิม คาดว่าจะใช้งบการตลาดในการกระตุ้นยอดขายประราว 200 ล้านบาท
"เราจะรักษาระดับผลประกอบการในไตรมาส 2/58 ให้ใกล้เคียงกับไตรมาส 1/58 เพื่อที่จะผลักดันให้ผลประกอบการทั้งปีเป็นไปตามเป้าหมายที่จะมากกว่า 4 พันล้านบาท ปีนี้สัดส่วนรายได้จะมาจากธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์การแพทย์ราว 37% ส่วนที่เหลือจะมาจากธุรกิจเสริมความงาม ขณะที่ปัจจุบันเรามีสาขาวุฒิศักดิ์คลีนิคอยู่ 121 สาขาทั่วประเทศ ปีนี้เราจะไม่ขยายเพิ่มเติมแล้ว แต่เราจะไปเน้นการเพิ่มยอดในสาขาเดิมๆที่มีอยู่โดยการออกผลิตภัณฑ์เกี่ยวหับความงาน ซึ่งเดือนนี้เราจะเริ่มขายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเมือกหอยทากชื่อว่า สยามสเนล(Siamsnail) ซึ่งคงจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยผลักดันยอดขายของเราได้"นายธีรวุทธิ์ กล่าว