CWT เล็งทุ่มกว่า 8 พันลบ.ลุยโรงไฟฟ้าขยะปี 58-59 พร้อมศึกษาลงทุนชีวมวล

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday June 15, 2015 15:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวีระพล ไชยธีรัตต์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป หรือ(CWT) เปิดเผยว่า บริษัทมีความสนใจลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าขยะ 4 โครงการ กำลังการผลิตรวมกว่า 40 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนมากกว่า 8 พันล้านบาท พร้อมกันนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาและเจรจาเข้าลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าไบโอแมสในภาคใต้ ซึ่งมีผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตแล้วเข้ามาขายให้กับบริษัท คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค.นี้

สำหรับโรงไฟฟ้าขยะโครงการแรกจะตั้งอยู่ที่ภาคกลางตอนบน กำลังการผลิตราว 10 เมกะวัตต์ มูลค่าประมาณ 1,469 ล้านบาท คาดว่าจะเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าได้ราวต้นเดือนส.ค.นี้ ส่วนโครงการที่ 2 ตั้งอยู่ในภาคเหนือ กำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์ มูลค่า 1,600 ล้านบาท น่าจะเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าได้ในช่วงเดือน พ.ย.นี้ ซึ่งทั้งสองโครงการหากเซ็นสัญญาแล้วก็จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างภายในปีนี้

ขณะที่โครงการที่ 3 นั้น บริษัทสนใจจะเข้าประมูลเพื่อร่วมลงทุนในโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะของเทศบาลโคราช มูลค่าราว 2,200 ล้านบาท โดยจะเป็นการร่วมลงทุนกับภาครัฐ หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP)มีมติให้เดินหน้าโครงการดังกล่าว และ โครงการที่ 4 จะตั้งอยู่ในภาคตะวันออก คาดว่าจะเป็นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ 2 แห่ง มูลค่ารวม 3,200 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างได้ภายในปี 59

"จากนี้อนาคตบริษัทเราจะกลายเป็นโฮลดิ้ง ธุรกิจหลักเราจะกลายเป็นโรงไฟฟ้าขยะ สัดส่วนรายได้ในธุรกิจปัจจุบันก็จะเริ่มลดลง และน่าจะเห็นภาพของธุรกิจไฟฟ้าขยะเข้ามาทดแทนได้ชัดเจนขึ้นในปี 61 โดยธุรกิจเดิม บริษัทฯก็จะมีการขายออกไปบางส่วนให้กับบริษัทฯร่วมทุนในญี่ปุ่น อย่าวไรก็ตามคงตอบไม่ได้ว่าอนาคตธุรกิจนี้จะหายไปหรือไม่ แต่สัดส่วนรายได้จะค่อยๆ ลดลงไป"นายวีระพล กล่าว

ทั้งนี้ ในวันที่ 1 ก.ค.58 บริษัทจะมีการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อให้รับทราบแผนการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าขยะดังกล่าว โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) จำนวน 450 ล้านหุ้น ซึ่งจะเสนอขายให้กับพันธมิตรที่สนใจเข้ามาร่วมทุน แต่อย่างไรก็ตาม การลงทุนในแต่ละโครงการนั้นบริษัทฯ จะใส่เงินลงทุนต่อเมื่อได้รับสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเรียบร้อยแล้ว

นายวีระพล กล่าวถึงแนวโน้มผลประกอบการในปีนี้ว่า บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ที่ 1,200 ล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 953 ล้านบาท และคาดว่ากำไรจะดีกว่าปีก่อนที่มีกำไรราว 30 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทจะสามารถรับรู้รายได้จากงานในมือ(Backlog)ทั้งหมดที่มีอยู่ราว 1,200 ล้านบาท รวมถึงบริษัทได้มีการเซ็นสัญญาร่วมทุนกับลูกค้ารายใหญ่มากขึ้น โดยล่าสุดได้เซ็นสัญญากับบริษัทในกัมพูชา โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 25% ซึ่งจะทำให้บริษัทฯมีการรับรู้ผลตอบแทนเข้ามาในรูปแบบผลกำไรเพิ่มเติมด้วย

ด้านผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/58 คาดว่าจะมีรายได้ราว 700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/58 ที่มีรายได้ 342.65 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากบริษัทได้ส่งมอบงานมากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ