ขณะที่ความคืบหน้าการเจรจาออเดอร์ใหม่จากประเทศอินเดียมูลค่า 50-80 ล้านบาทต่อปีนั้น ล่าสุดได้ข้อสรุปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญาได้ภายในเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่งออเดอร์ใหม่ที่เข้ามาจะเป็นตัวช่วยผลักดันผลประกอบการในปี 58 ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะเพิ่มเป็น 60% ในปีนี้จากปีก่อนอยู่ที่ 50% จากปัจจุบันบริษัทมีการจำหน่ายสินค้าไปยังประเทศ มาเลเซีย พม่า ลาว ฟิลิปปินส์ และซีเรีย
สำหรับผลประกอบการในปีนี้ บริษัทยังคงเป้ารายได้เติบโต 10-15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 796 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิคาดว่าจะมากกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 46 ล้านบาท โดยจะรักษาอัตรากำไรสุทธิในปีนี้ให้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 7% เนื่องจากบริษัทยังสามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์ได้อย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ และในธุรกิจรับจ้างผลิต(OEM)มีแผนขยายไปยังลูกค้ากลุ่มที่ผลิตรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีการส่งออร์เดอร์สินค้าให้กับลูกค้าซูซูกิแล้ว ส่วน OEM ต่างประเทศนอกเหนือจากลูกค้ากลุ่มหลักในประเทศมาเลเซีย บริษัทฯก็มีแผนขยายตลาดไปยังต่างประเทศเพิ่มเติม
นอกจากนี้ บริษัทคาดว่ากำไรและรายได้ไตรมาส 2/58 จะมากกว่าไตรมาส 1/58 ที่มีกำไร 4.62 ล้านบาท ส่วนรายได้ 178.55 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯสามารถส่งมอบงานในตลาดมาเลเซียมากขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ออร์เดอร์ในมาเลเซียมีการชะลอออกไปก่อน จากเรื่องการเปลี่ยนแปลงการจัดเก็บภาษีซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.58
"แนวโน้มไตรมาส 2 นี้น่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง และผ่านจุดต่ำสุดแล้ว หลังจากไตรมาสแรกที่ผ่านมารายได้ปรับตัวลดลง จากตลาดมาเลเซีย ซึ่งเป็นตลาดหลักในการส่งออกมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องการจัดเก็บภาษี ทำให้ลูกค้าชะลอการสั่งซื้อสินค้า และมีการขอให้เก็บสินค้าไว้ที่คลังก่อนเพื่อนำส่งภายหลังวันที่ 1 เม.ย.58 แทน ขณะที่ไตรมาส 3/58 จะมีการรับรู้ออเดอร์อินเดียเข้ามา และในไตรมาส 4/58 จะเป็นช่วงที่ดีที่สุดที่สามารถส่งมอบออร์เดอร์ให้ลูกค้าได้จำนวนมาก"นายชัยสิทธิ์ กล่าว