อย่างไรก็ตาม ธนาคารไม่ได้กังวลเกี่ยวกับประเด็นข้างต้น เพราะช่วงที่ผ่านมาทั้ง 2 ช่องมีการชำระหนี้ให้กับธนาคารเป็นปกติและไม่เคยมีประวัติการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งธนาคารได้มีการพูดคุยและเข้าไปช่วยเหลือลูกค้าอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นคงต้องรอกระบวนการทุกอย่างถึงที่สุดก่อน
"หากการพิจารณาออกมาว่าลูกค้าเราผิดจริง ธนาคารก็พร้อมจะจ่ายค่าสัมปทาน ซึ่งตรงนี้เราก็มีแนวทางที่จะแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้า ถ้าเขามีเงินจ่ายครบก็จบไป แต่ถ้าไม่มีเงินพอ ก็ต้องมาคุยกันอีกที ซึ่งเรามั่นว่าลูกค้ามีความสามารถในการชำระหนี้อยู่แล้ว เพราะเขามีธุรกิจที่หลากหลาย ทำให้เราไม่กังวลว่าจะมี NPL เพิ่ม เพราะเราเชื่อว่าลูกค้าไม่เป็น NPL อย่างแน่นอน"นายวีระศักดิ์ กล่าว
นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า การอนุมัติสินเชื่อให้กับธุรกิจทีวีดิจิตอลนั้น ธนาคารได้มีการพิจารณาความเสี่ยงของธุรกิจอย่างรอบครอบแล้ว และได้พิจารณาแนวทางในการป้องกันหากมีปัญหาเกิดขึ้น มีการวางหลักประกันที่ครอบคลุมสินเชื่อ พร้อมกับการตั้งสำรองที่ครอบคลุมการปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจทีวีดิจิตอลแล้ว ซึ่งธนาคารมองว่าธุรกิจทีวีดิจิตอลเป็นการลงทุนในระยะยาวของการประกอบธุรกิจในการแข่งขัน เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดและสร้างการทำกำไร ซึ่งในช่วงแรกจะเป็นการเริ่มต้นที่ค่อนข้างยากลำบาก