(เพิ่มเติม) TPCH คาดกำไรโตก้าวกระโดดในช่วงปี 58-60 ตามกำลังผลิตเพิ่มแตะ 100-150 MW

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 16, 2015 13:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง (TPCH) กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่ารายได้และกำไรของบริษทจะเติบโตก้าวกระโดดในช่วง 3 ปี เนื่องจากบริษัทมั่นใจว่าจะได้รับสัญญาซื้อขายไฟฟ้า(PPA) ในปีนี้เพิ่มจำนวน 30-50 เมกะวัตต์ และในปี 60 จะมีกำลังการผลิตเพิ่มเป็นราว 100-150 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทำให้บริษัทรับรู้รายได้จากกำลังการผลิตทั้งหมดเต็มที่ทั้งปีที่จ่ายไฟฟ้าครบในปี 61

จากนั้นในช่วงปี 62-63 บริษัทคาดว่าจะมีกำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 200 เมกะวัตต์ ซึ่งในแง่กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้น 10 เท่าใน 3 ปีครึ่ง

“มั่นใจว่ารายได้จะออกมาสดใส หลังจากที่บริษัทได้ใบตอบรับซื้อไฟฟ้าในระบบ Feed-in Tariff 3 โรงไฟฟ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ได้แก่ โรงไฟฟ้าชีวมวล แม่วงก์ เอ็นเนอยี (MWE) ,โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลสตูล กรีน (TSG) และโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล พัทลุง กรีน เพาเวอร์ (PGP) ส่วนอีก 2 แห่ง คือ โรงไฟฟ้าชีวมวล มหาชัย กรีน เพาเวอร์ (MGP),โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลทุ่งสัง กรีน (TSG) อยู่ระหว่างดำเนินการ มั่นใจเกินกว่า 90%ได้รับแน่นอน เร็วๆนี้"นายเชิดศักดิ์ กล่าว

นายเชิดศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทคาดว่าโรงไฟฟ้า MWE กำลังการผลิต 8 เมกะวัตต์จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงต้นไตรมาส 3/58 ส่วนโรงไฟฟ้า MGP จะสามารถจำหน่ายไฟเชิงพาณิชย์ไตรมาส 4/58 ขณะที่โรงไฟฟ้าชีวมวล TSG จะจำหน่ายไฟได้ปลายไตรมาส 1/59 โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการ

สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าที่ปัตตานี 1 ขนาด 23 เมกะวัตต์คาดว่าจะเริ่มสร้างปีนี้ โดยจะจ่ายไฟฟ้าระบบ Adder และคาดจะใช้เวลาในการก่อสร้างราว 20 เดือน ส่วนปัตตานี 2 ขนาด 23 เมกะวัตต์ อยู่ในระหว่างดำเนินการขอใบอนุญาต

"เราอยากให้นักลงทุนมั่นใจ เพราะโครงการของบริษัทฯส่วนใหญ่จะเป็นโครงการที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างและมีใบอนุญาตครบแล้ว ส่วนใหญ่โครงการอยู่ในขั้นตอนการยื่นขอเปลี่ยนใบอนุญาตซื้อขายไฟฟ้าจากระบบ Adder เป็น FIT เพราะ FIT จะมีค่าไฟฟ้าที่ 4.54 บาท และ Adder อยู่ที่ 3.40 บาท หากโครงการใหม่ที่ยื่นขอแบบ FIT จะช่วยหนุนให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 45-50% จากระบบ Adder ที่ปกติจะมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 31%"นายเชิดศักดิ์ กล่าว

นอกจากนั้น บริษัทยังจะเข้าประมูลโครงการใหม่อีก 50 เมกะวัตต์ จากที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) จะเปิดประมูลรับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทนราว 1,000 เมกะวัตต์ โดยจะออกประกาศเชิญชวนในวันที่ 31 ก.ค.ซึ่งยระบบประมูลใหม่จะเป็นอัตรารับซื้อไฟฟ้ารูปแบบ FIT หากได้เพิ่มเข้ามาจะช่วยย้ำการเติบโตของบริษัทฯในอนาคตตามจำนวนเมกะวัตต์ที่เพิ่มขึ้น

"เรื่องที่ดินนั้นบริษัทฯวางแผนไว้เรียบร้อยแล้วโดยที่ผ่านมาได้เริ่มทำประชาพิจารณ์ รวมถึงมองหาทำเลใน 3 จังหวัดเพิ่มเติม เพื่อรองรับกับโครงการใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดทำเลที่สนใจได้ในขณะนี้"นายเชิดศักดิ์ กล่าว

สำหรับผลประกอบการในปีนี้นั้น นายเชิดศักดิ์ กล่าวว่า ไตรมาส 2/58 บริษัทยังคงมุ่งมั่นตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยผลักดันให้ผลงานทั้งปีออกมาตามที่ตั้งเป้าหมายไว้คือเติบโต 30-40% จากปีก่อนที่มีรายได้ 258.26 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 1/58 บริษัทมีรายได้หลักมาจากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าชีวมวลช้างแรกไบโอเพาเวอร์ (CRB) จำนวน 58.78 ล้านบาท

“ไตรมาส 2 ปีนี้ โรงไฟฟ้าช้างแรกได้หยุดเดินเครื่อง เพื่อซ่อมบำรุงตามแผนซ่อมบำรุงของบริษัทและให้สอดคล้องกับแผนซ่อมบำรุงสายส่งของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นเวลา 8 วัน จึงไม่มีผลกระทบต่อผลประกอบการในไตรมาส 2 และคาดว่าผลประกอบการน่าจะออกมาดีและเป็นไปตามที่บริษัทคาดไว้ ส่วนทั้งปีก็คงจะเติบโตตามเป้าหมายอย่างแน่นอน" นายเชิดศักดิ์ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ