"ในเบื้องต้น SENA อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าสู่ธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ร่วมกับ พันธมิตรทั้ง 2 ราย ในรูปแบบการทำ Solar Roof กับโครงการบ้านแนวราบและโดยตรงกับลูกค้ารายย่อย ทั้งนี้ปัจจุบัน SENA มีโครงการบ้านแนวราบมาแล้วมากกว่า 100 โครงการ และมีแผนเปิดโครงการบ้านแนบราบใหม่เพิ่มขึ้นอีก 6 โครงการภายในปี 58 นี้"นางเกษรา กล่าว
ทั้งนี้ การติดตั้งโซลาร์ รูฟ จะทำให้ SENA มีรายได้สม่ำเสมอเช่นเดียวกับธุรกิจเช่ารูปแบบอื่นๆ ของบริษัท ขณะที่ผู้ถือหุ้นก็จะได้ความเชื่อมั่นว่าบริษัทจะมีความเติบโตอย่างต่อเนื่อง และในช่วงที่ผ่านมาได้เริ่มทำโซลาร์ รูฟ ในโครงการอสังหาฯของบริษัท โดยในปีนี้จะรับรู้กำไรพิเศษจากการขายไฟฟ้าของโครงการโซลาร์ รูฟ 750 กิโลวัตต์ ในช่วงไตรมาส 2/58 โดยจะมีกำไรพิเศษเข้ามาประมาณ 6 ล้านบาทต่อปี ถือเป็นการเริ่มต้นของบริษัทในแง่การกระจายแหล่งที่มาของรายได้ และเพิ่มฐานรายได้ให้กับบริษัทอีกช่องทางหนึ่ง
นางเกษรา กล่าวว่า ช่วงไตรมาส 3/58 บริษัทจะร่วมกับพันธมิตรทั้ง 2 รายดังกล่าวติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ บนหลังคาของโครงการแนวราบที่จะเปิดในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ จำนวน 4 โครงการ แบ่งเป็นโครงการในกรุงเทพฯ 3 โครงการ และโครงการในต่างจังหวัด 1 โครงการ โดยมีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 3-8 ล้านบาท/ยูนิต
ช่วงเริ่มแรกจะเริ่มติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ในโครงการบ้านจำนวน 150 ยูนิต มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 500 กิโลวัตต์ โดยในช่วงแรกของการดำเนินโครงการโซลาร์ รูฟ จะเป็นลักษณะที่บริษัทขายแผงโซลาร์รูฟให้กับลูกค้าผ่านโครงการที่บริษัทพัฒนา ซึ่งเป็นตัวเลือกให้กับลูกค้าสามารถมีรายได้เสริมจากการขายไฟฟ้าและสามารถช่วยแบ่งเบาภาระการผ่อนบ้าน อีกทั้งบริษัทจะทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการแบบครบวงจรในการดูแลแผงโซลาร์รูฟของลูกค้า ประกอบกับมีบริษัท ConfidanteCapital จำกัด และสถาบันการเงินชั้นนำให้บริการสินเชื่อ
ทั้งนี้ ในปีแรกบริษัทตั้งเป้ามีกำลังการผลิตจากโซลาร์รูฟ 5 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีรายได้จากการขายแผงโซลาร์รูฟในปีแรกอยู่ที่ 30 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในระยะต่อไปบริษัทอาจจะมีการนำเสนออีก 1 ทางเลือกโดยบริษัทจะเป็นผู้เช่าหลังคาบ้านของลูกค้า และลงทุนติดตั้งแผงโซลาร์รูฟเอง ซึ่งบริษัทจะได้รับรายได้จากการขายไฟฟ้าในส่วนนี้เพิ่มเข้ามาในอนาคต
ส่วนการลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์มที่บริษัทร่วมทุนกับบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ ในสัดส่วน 50:50 ได้ตั้งเป้ามีกำลังการผลิตไฟฟ้าในโครงการโซลาร์ฟาร์มปีนี้อยู่ที่ 30-60 เมกะวัตต์ โดยการลงทุนดังกล่าวจะใช้เงินลงทุนเมกะวัตต์ละ 70 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน 75% และอีก 25% เป็นเงินจากกระแสเงินสดของบริษัท โดยโครงการโซลาร์ฟาร์ม ปัจจุบันอยุ่ระหว่างกระบวนการศึกษาและการเจรจาขอซื้อใบสัญญาขายไฟฟ้า
อย่างไรก็ตาม บริษัทประเมินรายได้ของโครงการโซลาร์ฟาร์มจำนวน 60 เมกะวัตต์ จะสร้างรายได้อยู่ที่ 200 ล้านบาท/ปี ซึ่งจะมีการเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาภายในปี 59
“สัดส่วน recurring income ของปีนี้และปีหน้ายังอยู่ที่ 10% ซึ่งยังไม่เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก เพราะว่าในแต่ละปีฐานมันก็ใหญ่ขึ้น แม้ว่าจะรายได้รายได้จากโครงการโซลาร์เข้ามา ตอนนี้ก็ยังมองไม่ชัดว่าในอนาคตจะเพิ่มเป็นเท่าไหร่ เพราะว่าแต่ละโครงการก็ยังไม่เริ่มละยังไม่มีรายได้เข้ามา"นางสาวเกษรา กล่าว