ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนในครึ่งปีหลังจึงเน้นไปที่อุตสาหกรรมที่ฟื้นตัวหรือได้ประโยชน์จากนโยบายภาครัฐ ขณะที่ระยะยาวจะเน้นลงทุนอิงตาม Theme ลงทุนของกองทุนบัวหลวง ตามทิศทางการขยายตัวของชนชั้นกลาง และการก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) อันจะเกื้อหนุนให้เกิดการค้าขาย การลงทุน และดึงดูดเม็ดเงินเข้าสู่ภูมิภาค รวมถึงกรณีที่จีนจะพัฒนาเส้นทางสายไหมแห่งศตวรรษที่ 21 ซึ่งเอื้อประโยชน์ให้ไทยในระยะยาว เนื่องจากมีทำเลที่ตั้งอยู่ใจกลางภูมิภาค และช่วยให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง
สำหรับปรัชญาการลงทุนของกองทุนบัวหลวง เป็นการลงทุนตาม Theme การลงทุนที่ชัดเจนของปีนี้ คือ “วิถีใหม่เชื่อมโยงสายไหม เครือข่ายออนไลน์แสนสะดวก" โดยเลือกลงทุนในหุ้นหรือกิจการที่มีมูลค่าและสัมพันธ์กับ Theme การลงทุน และเหมาะกับนโยบายการลงทุนเฉพาะของแต่ละกอง เมื่อนักลงทุนเชื่อมั่นใน Theme ลงทุนดังกล่าว ก็จะเข้าใจสไตล์การลงทุนของกองทุนบัวหลวง และยอมรับความผันผวนที่เกิดขึ้นชั่วครั้งคราวได้ เพื่อรับ “ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีและสม่ำเสมอในระยะยาว" อย่างเช่น
กองทุนเปิดบัวหลวงโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการเลี้ยงชีพ (IN-RMF) ก็มีนโยบายลงทุนในอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง พลังงาน สื่อสาร อสังหาริมทรัพย์ และขนส่ง เป็นต้น ซึ่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเป็นมุมมองการลงทุนระยะยาวที่จะเติบโตไปพร้อมกับการพัฒนาประเทศ รวมถึงความเจริญเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย ด้านนางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กองทุนบัวหลวง กล่าวว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 58 แม้จะอยู่ท่ามกลางสถานการณ์การลงทุนทั่วทั้งโลก ที่ยังจะมีความผันผวนจากปัจจัยมากมาย แต่กลุ่มประเทศเกิดใหม่ซึ่งรวมถึงประเทศในทวีปเอเชียก็ยังมีศักยภาพในการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูง เนื่องจากกลุ่มชนชั้นกลางจะขยายตัวเป็นจำนวนมากจนเกิดการบริโภค การลงทุน และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ อย่างต่อเนื่อง กองทุนบัวหลวงจึงยังแสวงหาโอกาสการลงทุนที่ดีในภูมิภาคเอเชียรวมทั้งสร้างหนทางลงทุนในระดับ Global ควบคู่กันไปด้วย เพราะแม้ว่าเวลานี้เศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ก็มีบริษัทที่ขยายฐานการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างสม่ำเสมอและมีผลการดำเนินงานที่เริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจน
ขณะที่นายวศิน วัฒนวรกิจกุล Managing Director และ Head of Business Distribution กองทุนบัวหลวง กล่าวว่า ในการขยายธุรกิจจะทำตามนโยบายที่คณะกรรมการบริษัทกำหนด คือทำให้คนทั่วไปที่ยังมีเงินออมเล็กน้อยสามารถเข้าถึงการลงทุนระยะยาวอย่างสม่ำเสมอเพื่ออนาคตได้ จึงลดจำนวนเงินเปิดบัญชีลงทุนครั้งแรกให้เหลือเพียง 500 บาท เพื่อให้ผู้ที่ยังมีรายได้น้อยในวันนี้สามารถออมเงินมาลงทุนในกองทุนรวมอย่างสม่ำเสมอได้ทุกเดือน ซึ่งแม้จะเป็นบัญชีที่ไม่คุ้มกับการทำงานเลยในช่วงปีแรกๆ แต่ก็ยืนยันที่จะทำ เพราะมุ่งหวังให้ทุกคนมีโอกาสในการเข้าถึงกองทุนรวม และทำให้ครอบครัวไทยตระหนักถึงความสำคัญของการออมเสียแต่เนิ่นๆ