ทั้งนี้ รูปแบบโครงการมิกซ์ยูสช่วยสร้างความหลากหลายให้กับโครงการฯ ทั้งในด้านประเภท ร้านค้าธุรกิจและลูกค้าผู้มาใช้บริการ ในส่วนคอมมูนิตี้ มอลล์ จะช่วยรองรับการจับจ่ายใช้สอยและไลฟ์สไตล์ ประจำวันของประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตเทศบาลนครสมุทรสาครกว่า 60,100 คน หรือกว่า 18,100 ครัวเรือน
ส่วนช้อปเฮ้าส์ ซึ่งจะเป็นย่านธุรกิจแห่งใหม่ของมหาชัย เปิดโอกาสให้ผู้สนใจทำธุรกิจเปิดร้านค้าและสำนักงานต่อมาคือ ด้านการออกแบบที่เน้นความทันสมัยโดดเด่น สมกับเป็นแลนด์มาร์คหรือที่หมายหลักของมหาชัย นอกจากนี้ ภายในโครงการฯ ยังมีพื้นที่จอดรถจำนวนมากสามารถรองรับรถยนต์ได้เกือบ 600 คัน
“ล่าสุดโครงการแลนด์มาร์ค มหาชัยได้เปิดจองสิทธิ์ในส่วนของอาคารพาณิชย์หรือช้อปเฮ้าส์แล้วตั้งแต่วันนี้จนถึง 8 ส.ค.โดยผู้ครอบครองมีสิทธิ์ถือครองกรรมสิทธิ์เป็นระยะเวลา 30 ปี ราคาเริ่มต้นที่ 8.5 ล้านบาทต่อยูนิต หรือคิดเป็นราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรอยู่ที่ประมาณ 40,000 บาท"นายเศรษฐวัจน์ กล่าว
นายเศรษฐวัจน์ ตั้งวัชรพงศ์ รองกรรมการผูจัดการ กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่าผลประกอบการในปีนี้จะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้อย่างแน่นอน จากปีก่อนที่บริษัทมีผลขาดทุน 203.69 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ของโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่จะรับรู้รายได้ภายในปีนี้ราว 1,000 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะเข้ามาราว 70% จากปีก่อนบริษัทมีรายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเท่านั้น
"หลังจากนี้เราจะเน้นการเติบโตจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก เพราะในธุรกิจนี้มีกำไรสูงกว่าธุรกิจรับเหมาถึง 8-9 เท่า ทำให้เรามั่นใจว่าปีนี้ผลประกอบการจะพลิกกลับมามีกำไรได้"นายเศรษฐวัจน์ กล่าว
บริษัทตั้งงบลงทุนไว้กว่า 400 ล้านบาทเพื่อใช้ซื้อที่ดินย่านสุขุมวิทมารองรับการเปิดโครงการใหม่ โดยในช่วงปลายปีนี้บริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่อีก 2 โครงการ เป็นคอนโดมิเนียมแบบ Lowrise ทั้งสองโครงการ มูลค่ารวมราว 1.6 พันล้านบาท พร้อมกันนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจาเข้าซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์อีกหลายแห่ง มูลค่ารวมกว่า 2,000 ล้านบาท เพื่อนำมาพัฒนาต่อยมองไว้ทั้ง Shoping mall คอนโดมิเนียม และโครงการแนวราบ
"เราจะเน้นโครงการที่มีผลตอบแทนดีและรับรู้รายได้ทันที เพราะหากเรามานั่งพัฒนาโครงการเองกว่าจะรับรู้รายได้ก็ 2-3 ปี แต่เราก็มีการพัฒนาโครงการเองไปพร้อมๆกันด้วยเพื่อที่จะให้บริษัทมีผลประกอบการที่เติบโตอย่างสม่ำเสมอและมีเสถียรภาพ สำหรับเงินลงทุนที่จะใช้ซื้อโครงการจะมาจากการเพิ่มทุนก่อนหน้านี้ รวมถึงเงินกู้จากสถาบันการเงิน"นายเศรษฐวัจน์ กล่าว
นายเศรษฐวัจน์ กล่าวถึงผลประกอบการปี 59 ว่า จะมีการเติบโตจากปีนี้กว่าเท่าตัว เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมี Backlog อยู่ในมือแล้วถึง 3,425 ล้านบาทที่จะรับรู้เข้ามาเป็นรายได้ในปีหน้า