"ยืนยันไม่กระทบรายได้ของรพ.เพราะมาตรการนี้เราเข้มงวดตั้งแต่ปี 55 ในเชิงเชื้อไวรัส ขอยืนยันไม่มีผู้ป่วยโรค MERS รายที่ 2 แล้ว และยังไม่พบผู้ป่วยต้องสงสัยเพิ่มเติม ซึ่งทางรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขและอธิบดีกรมควบคุมโรคยังบอกว่าดีที่เคสแรกมาที่บำรุงราษฎร์ก่อน"นพ.นำ กล่าว
ด้านเจ้าหน้าที่นักลงทุนสัมพันธ์ BH กล่าวว่า บริษัทยังคงตั้งเป้ารายได้รวมในปี 58 เติบโต 10-15% ในระดับการเติบโตเฉลี่ยแต่ละปี จากปีก่อนที่มีรายได้ราว 15,910 ล้านบาท ซึ่งในช่วงไตรมาส 1/58 รายได้ของโรงพยาบาลเติบโตอย่างมากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และแนวโน้มไตรมาส 2/58 ก็คาดว่าจะมีรายได้สูงกว่างวดเดียวกันปีก่อนเช่นกัน
อนึ่ง ไตรมาส 1/58 มีรายได้ 4,465 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากไตรมาส 1/57 ที่ 3,679 ล้านบาท
"โดยรวมไตรมาส 2 ยังมี momentum ที่ดี การเติบโตของรายได้เป็นที่น่าพอใจ ทั้งปีเดิมเราตั้งไว้ว่าโต 10-15% ก็ยังคงเป้านี้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับวอลุ่มต่างประเทศด้วย ถ้าเหตุการณ์(โรคระบาด)จากนี้ไม่รุนแรง โรงพยาบาลก็จะรักษาการเติบโตปีนี้ตามเป้า แต่ก็ยังไม่ทราบว่าโรคนี้จะรุนแรงขนาดไหน และไม่รู้ว่าต่อไปทั้งคนไทยและต่างประเทศจะ panic ขนาดไหน แต่ตอนนี้ยังไม่เกิด จึงไม่คิดว่าจะรุนแรงมากขนาดนั้น เพราะไม่ใช่โรคที่ซับซ้อน"เจ้าหน้าที่นักลงทุนสัมพันธ์ BH กล่าว
ทั้งนี้ ปัจจุบันโรงพยาบาลมีสัดส่วนคนไข้จากประเทศแถวตะวันออกกลางราว 20% ของคนไข้ทั้งหมด
เจ้าหน้าที่ ยังเปิดเผยอีกว่า บริษัทยังคงเดินหน้าแผนการลงทุนต่อเนื่อง โดยเตรียมเงินไว้ 7,000 ล้านบาทเพื่อขยายโรงพยาบาลแห่งที่ 2 บนถนนเพชรบุรี ที่มีที่ดินประมาณ 5 ไร่ เริ่มก่อสร้างได้ในไตรมาส 4/58 เป็นโรงพยาบาลขนาด 200-240 เตียง ใช้เงินลงทุนหลักจากกระแสเงินสด คาดว่าเริ่มเปิดบริการได้ปี 61 โดยจะเป็นการแยกผู้ป่วยที่ไม่ใช้โรคร้ายแรงไปรักษาที่โรงพยาบาลใหม่ดังกล่าว
นอกจากนี้ BH ยังมีที่ดินปลายซอยสุขุมวิท 1 อีก 4 ไร่ คาดว่าจะก่อสร้างเป็นอาคารจอดรถสำหรับผู้ป่วยที่มารับการรักษา ขณะที่บริษัทยังคงมองโอกาสซื้อกิจการโรงพยาลบาลในต่างประเทศเพิ่มเติม วัตถุประสงค์หลักเพื่อเติมเต็มความสามารถในการรักษาพยาบาลหรือส่งตัวผู้ป่วยต่างประเทศเข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาล
"เราจะมองหาประเทศที่ขาดแคลนด้านแพทย์ พยาบาล และมองประเทศเพื่อนบ้านด้วย หลังจากปีก่อนซื้อกิจการที่ประเทศมองโกเลียมา ก็สามารถ refer ผู้ป่วยหนักเข้ามาได้ดี"เจ้าหน้าที่ กล่าว
ปัจจุบันสัดส่วนผู้ป่วยต่างประเทศ 60% ในประเทศ 40% แต่อนาคตคาดผู้ป่วยต่างประเทศจะมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น โดยผู้ป่วยต่างประเทศหลักๆ ได้แก่ ตะวันออกกลาง เมียนมาร์ และ กัมพูชา เป็นต้น