ทั้งนี้ บริษัทมีแผนรุกธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบโซล่าร์ฟาร์มได้เป็นจำนวนมาก และมีนโยบายสนับสนุนพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง โดยรูปแบบการลงทุนในครั้งนี้ มีทั้งรูปแบบการเข้าไปลงทุนพัฒนาโครงการเองทั้งหมด และการร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อเข้าร่วมพัฒนาโครงการ
ล่าสุด บริษัทประสบความสำเร็จในการบรรลุข้อตกลงพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์กับพันธมิตร 2 รายในประเทศญี่ปุ่น รวมกำลังการผลิต 25 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นพันธมิตรจากกลุ่ม Eco Solar Japan ที่บริษัทฯ จะเข้าไปดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบโซล่าร์ฟาร์ม กำลังการผลิต 13 เมกะวัตต์ ที่เมืองอาโอโมริ ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของเกาะฮอนชู นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังร่วมกับพันธมิตรกลุ่ม Prospec Holding Inc. ในการร่วมพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบโซล่าร์ฟาร์ม ที่เมืองอิบารากิ ตั้งอยู่ตอนเหนือของเขตคันโต และเมืองอิชิคาวะ ตั้งอยู่ในพื้นที่บริเวณภาคกลางของประเทศญี่ปุ่น โดยมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 12 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ โครงการในเฟสแรกทั้งหมด จะใช้เงินลงทุนประมาณ 2,500 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบโซล่าร์ฟาร์มในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะทยอยเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ครึ่งปีหลังปี 58 และคาดว่าจะเริ่มทยอยจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เข้าระบบ (COD) ได้ภายในต้นปี 59 ซึ่งหากครบทุกโครงการจะทำรายได้กว่า 300 ล้านบาทต่อปี
"เรามีศักยภาพและความพร้อมรุกขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากเรามีองค์ความรู้และฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งในการดำเนินโครงการ ซึ่งประเทศญี่ปุ่นถือเป็นประเทศหนึ่งในเป้าหมายที่เราต้องการรุกขยายธุรกิจออกไป เพื่อผลักดันผลการดำเนินงานของ TSE ให้เติบโตแบบก้าวกระโดดและผลักดันบริษัทฯ ก้าวสู่การเป็นบริษัทฯ ชั้นนำในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในภูมิภาคเอเชีย"นางแคทลีน กล่าว