นายธีรศักดิ์ ฑีฆายุพันธ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครขอนแก่น กล่าวว่า จากที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก(คจร.)ครั้งที่ 1/2558 มีการเสนอเพื่อรับทราบแผนแม่บทและศึกษาความเหมาะสมด้านวิศวกรรมเศรษฐกิจและผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นเพื่อก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนขอนแก่นและโครงการศึกษาออกแบบเพื่อก่อสร้างระบบรถโดยสารด่วนพิเศษต้นแบบในภูมิภาคจังหวัดขอนแก่นสายสีแดง(สำราญ-ท่าพระ)โดยให้จังหวัดขอนแก่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการศึกษาจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพิ่มเติม
พร้อมกันนี้ อนุมัติให้ให้ สนข.ดำเนินการศึกษาเพิ่มเติมเรื่องการเชื่อมต่อการเดินทางของผู้โดยสารกับการขนส่งระบบรางเขตพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ศึกษาสายสีแดงในการเปลี่ยนเป็นระบบรางเบา Tram, และศึกษาถึงรูปแบบการลงทุนของเอกชนที่จะเข้ามาร่วม พร้อมศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม(EIA) ทางกลุ่มเทศบาลที่แนวรถไฟฟ้าสายสีแดง(สำราญ-ท่าพระ) จะพาดผ่านทั้งสิ้น 5 เทศบาล จะร่วมมือกันจัดตั้งบริษัทจำกัดขึ้นมาเพื่อรับการดำเนินโครงการดังกล่าว โดยงบประมาณในการลงทุนอาจจะมาจากภาคเอกชนที่รวมตัวกันจัดตั้งบริษัทขึ้นมา ภายใต้ชื่อว่าบริษัท ขอนแก่นพัฒนาเมือง จำกัด (KKTT) หรือเป็นการร่วมทุนกับทางบริษัทที่เทศบาลจัดตั้งขี้นมา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของผลการศึกษาที่กำลังดำเนินการอยู่
"กลุ่ม KKTT สนับสนุนงบประมาณการลงทุนในครั้งนี้ เพื่อลดภาระในการใช้งบประมาณจากทางภาครัฐฯ ให้น้อยที่สุด ซึ่งในอนาคตจะมีการผลักดันโครงการดังกล่าวให้เป็นการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานประจำจังหวัดขอนแก่น และเตรียมนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศไทยในลำดับต่อไป"นายธีรศักดิ์ กล่าว
ด้านนายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CHO กล่าวว่า ระบบรางเบาจะมีการประกอบและผลิตขึ้นเองภายในประเทศ โดยบริษัทจะรับถ่ายทอดเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้มีต้นทุนในการดำเนินงานของโครงการนี้ลดลง ประกอบกับโครงการดังกล่าวจะนำเรื่อง Transit Oriented Development (TOD) หรือการพัฒนาเชิงพาณิชย์ตามแนวรถไฟฟ้าพาดผ่านเข้ามาร่วมคำนวณความเป็นไปได้ของโครงการอีกด้วย
"หากเราสามารถลดต้นทุนการดำเนินงานของโครงการและศึกษาแนวทางเพื่อพัฒนาพื้นที่ตามแนวรถไฟฟ้าพาดผ่านนั้น จะช่วยทำให้โครงการมีความเป็นไปได้ในเชิงพานิชย์สูงขึ้นโดยภาระของภาครัฐจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และถือเป็นรูปแบบใหม่ของการพัฒนาประเทศในด้านการจัดการโครงสร้างพื้นฐานอย่างหนึ่ง คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 12 เดือน"นายสุรเดช กล่าว
นายสุรเดช เชื่อมั่นว่าบริษัทมีความพร้อมในการผลิตรถไฟระบบรางเบา เพื่อใช้สำหรับโครงการดังกล่าว เนื่องจากมีประสบการณ์ในการผลิตยานพาหนะ รวมถึงงานซ่อมบำรุงในระบบขนส่ง และระบบรางมาอย่างยาวนาน