นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บล.ทรินิตี้ เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้คาดว่านักวิเคราะห์หลักทรัพย์จะปรับประมาณการณ์การกำไรของบริษัทจดทะเบียนปี 58 (EPS) เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 14% เนื่องจากผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/58 ของกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์มีแนวโน้มจะออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ เพราะว่ากลุ่มพลังงานเริ่มกลับมามีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน และกลุ่มแบงก์คาดว่ากำไรจะเติบโตขึ้นจากการขยายตัวของสินเชื่อที่เพิ่มมากขึ้น
ขณะที่มองว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์(SET Index) ในช่วงไตรมาส 3/58 จะปรับตัวขึ้นมาที่ระดับ 1,600-1,640 จุดได้ เนื่องจากเป็นช่วงที่ภาวะกระแสเงินทุนจะไหลออกจากตลาดตราสารหนี้เข้ามาสู่ตลาดตราสารทุน แม้ว่าจะยังมีปัจจัยกดดันจากการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ครั้งล่าสุดที่มีการประกาศออกมาว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯเพียงครั้งเดียว จากเดิมจะปรับขึ้น 2 ครั้ง
ประกอบกับ นักลงทุนมองโอกาสในการฟื้นตัวขึ้นของเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง ซึ่งหุ้นกลุ่มที่นักลงทุนให้ความสนใจที่จะมีการเติบโตสอดคล้องไปตามภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนของภาครัฐ ได้แก่ กลุ่มรับเหมาก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มโทรคมนาคม อีกทั้งมูลค่าตลาดในปัจจุบันนั้นมองว่ามีความเหมาะสมและน่าสนใจที่จะดึงดูดให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนมากขึ้น
"เรามองว่าใน 3-4 เดือนข้างหน้าจะเป็นช่วงที่จบขาลงของตลาดหุ้นไทย และไตรมาส 3 นี้มองโอกาสที่ดัชนีจะขึ้นไปแตะ 1,600-1,640 ได้ เพราะเป็นช่วงนี้ Fund Flow ย้ายจากตลาดตราสารหนี้ไปตลาดตราสารทุน อีกทั้งมองภาวะเศรษฐกิจของเราจะดีขึ้นจากปัจจุบัน ปัจจัยหลักมาจากการลงทุนของภาครัฐที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และ Valuation ของตลาดหุ้นไทยตอนนี้ก็ดีและน่าสนใจเข้าสงทุน ส่วนปัจจัยเสี่ยงก็ต้องรอลุ้นงบของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดในไตรมาส 2 ว่าจะออกมาดีหรือไม่ และกรีซจะสามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดหรือไม่"นายวิศิษฐ์ กล่าว