ทั้งนี้ปัจจัยที่จะเข้ามาส่งผลต่อตลาดฯอีกครั้งหนึ่ง คือการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด จากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ดูว่า จะสนับสนุนทำให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยได้ในปีนี้ โดยให้ติดตามตัวเลข GDP ของสหรัฐฯ ถ้าออกมาดีหรือมีการหดตัวลดลงกว่าครั้งที่ผ่านมา อาจจะมีแรงขายทำกำไร
สำหรับปัจจัยในประเทศจะเป็นเรื่องของการปิดงวดบัญชีประจำไตรมาส ซึ่งดูเป็นความหวังของนักลงทุน และน่าจะทำให้ หุ้นกลุ่มขนาดใหญ่ปรับตัวขึ้นได้ อย่างไรก็ตามมองว่าภาพรวมเศรษฐกิจของไทยยังฟื้นตัวช้าอยู่ โดยให้ติดตามการประกาศตัวเลขส่งออก ช่วงปลายสัปดาห์นี้ คาดว่าจะออกมาติดลบ 3% และน่าจะกดดัน Sentiment การลงทุน
ส่วนสัญญา S50M15 ขึ้นมาแต่ยังติดแนวต้านแถวระดับ 1,000-1,005 จุด ให้แนวรับไว้ 986-990 จุด และ S50U15 ถ้านักลงทุนจะเข้าไปเล่นก็สามารถทำได้ จากเริ่มเห็นการ Rollover มากขึ้น ให้แนวต้านไว้ที่ 990-995 จุด แนวรับ 980-985 จุด แนะเก็งกำไรได้ทั้งสองตัว
ขณะที่ราคาทองคำวันนี้ยังอิงในทางพักตัวอยู่ มีโอกาสลงไปทดสอบแนวรับ 1,165-1,170 เหรียญ/ออนซ์ มองว่าการลง ทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยลดลง จากกรีซสามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้ในระยะสั้น ประกอบกับค่าเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯปรับตัวแข็งค่าขึ้น รวมถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ที่น่าจะเป็นปัจจัยกดดันอยู่
ให้แนวรับ 1,165-1,170 เหรียญ/ออนซ์ และแนวต้าน 1,801-1,805 เหรียญ/ออนซ์ เน้นเก็งกำไรในฝั่ง Short
ดัชนี SET 50 ปิดวันที่ระดับ 999.93 จุด เพิ่มขึ้น 11.88 จุด, +1.20%
ปริมาณ สถานะคงค้าง Total Market 344,525 1,218,038 Total Futures 342,630 1,199,102 SET50 Index 171,425 308,623 Sector Index - - Single Stock 163,647 862,123 Precious Metal 7,100 18,249 -GF10 6,472 15,473 -GF50 628 2,776 Curency 307 9,790 Energy 151 317 Interest Rate - - Total Options 1,895 18,936 Call 898 9,042 Put 997 9,894 สรุปปริมาณการซื้อขายตามกลุ่มผู้ลงทุน นักลงทุนสถาบัน นักลงทุนต่างชาติ นักลงทุนภายในประเทศ Futures -16,001 +16,244 -243 Options +280 -16 -264