“แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจในปีนี้จะยังซบเซาแต่งานสหกรุ๊ปแฟร์ก็ยังได้รับความสนใจจากนักธุรกิจและผู้บริโภค โดยในปีนี้ได้มีนักธุรกิจตจากต่างประเทศแจ้งความจำนงเข้าร่วมเจรจาทางการค้ากว่า 200 ราย โดยมาจากกลุ่มประเทศ AEC ญี่ปุ่น และเกาหลี ส่วนนักธุรกิจขาวไทยคาดว่าจะเข้ามาร่วมงานหลายร้อยราย และคาดาการณ์ว่าจะมีประชาชนเข้ามาร่วมงานกว่า 1 ล้านคน “นายบุญเกียรติ กล่าว
เครือสหพัฒน์คาดว่าผลประกอบการในปี 58 จะเติบโต 5% จากปีก่อน หลังจากยอดขาย 6 เดือนของเติบโตแล้ว 3-5% แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปัจจุบัน แต่สินค้าอุปโภคบริโภคยังสามารถจำหน่ายอยู่ตลอดเวลาแม้จะไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก โดยบริษัทมองว่าตลาดรวมสินค้าอุปโภคและบริโภคในปีนี้จะเติบโต 0.1% แต่หากภาวะเศรษฐกิจดียขึ้นก็อาจทำให้เติบโตเพิ่มเป็น 5%
"การที่ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในปีนี้เติบโตน้อย เพราะภาวะเศรษฐกิจไทยไม่ดี และกำลังซื้อของผู้บริโภคยังไม่กลับมาฟื้นตัวขึ้นมากนัก ทำให้การตัดสินใจซื้อชะลอตัวลงไป โดยเฉพาะสินค้าแฟชั่นที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก"นายบุญเกียรติ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยอดขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป"มาม่า"ของเครือสหพัฒน์ยังถือว่ามียอดขายที่ดีอยู่ หลังจากนำดาราดัง"อั้ม พัชราภา"มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งช่วยกระตุ้นยอดขายและได้รับผลตอบรับที่ดีจากตลาด และมองว่าในครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มจะกลับมาฟื้นตัวขึ้นได้จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และราคาพืชผลทางการเกษตรมีทิศทางการปรับตัวที่ดีขึ้น ทำให้ผู้บริโภคกลุ่มรากหญ้าที่เป็นกลุ่มใหญ่ของประเทศกลับมามีกำลังซื้อมากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อยอดขายของบริษัทด้วย
ทั้งนี้ เครือสหพัฒน์ฯยังไม่มีแผนการปรับราคาขายสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้นในปีนี้ แม้ว่าต้นทุนวัตถุดิบและราคาค่าแรงจะเพิ่มสูงขึ้น แต่บริษัทก็ยังสามารุควบคุมต้นทุนต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งยังช่วยประคองราคาขายให้ทรงตัวไปจนถึงปีหน้า ยกเว้นกลุ่มสินค้าแฟชั่นที่อาจจะมีการปรับราคาขึ้นตามต้นทุนการผลิตที่ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าต้นทุนสินค้าอุปโภคบริโภค