สำหรับในปีนี้บริษัทฯตั้งงบการตลาดไว้ 40-50 ล้านบาท เพื่อเน้นการประชาสัมพันธ์แบรนด์ผลิตภัณฑ์ ทั้งเส้นหมี่ และโจ๊ก ให้มีความทันสมัยตอบรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันมากขึ้น
ทั้งนี้บริษัทฯมีการควบคุมต้นทุนได้ดีมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของวัตถุดิบข้าว รวมถึงค่าเงินบาทที่ปรับตัวอ่อนค่าลงที่ส่งผลดีต่อการส่งออกไปต่างประเทศ และยังสามารถประหยัดพลังงาน หลังจากเปลี่ยนมาเป็นถ่านหินแทนน้ำมันเตา
นอกจากนี้บริษัทฯยังมองโอกาสขยายไปต่างประเทศเพิ่มเติม ซึ่งน่าจะขยายไปยังประเทศพม่า ลาว กัมพูชา จากพฤติกรรมผู้บริโภคในประเทศดังกล่าวที่นิยมรับประทานอาหารจำพวกเส้นอยู่แล้ว ก็น่าจะมีการตอบรับที่ดีต่อตัวสินค้าของบริษัทฯ
“จริงๆแล้วเราสามารถควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้นมาตั้งแต่ปีก่อน และปีนี้ก็น่าจะดีขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ยอดขายมองว่าในช่วงต้นปีที่ผ่านมาก็ได้รับอานิสงค์จากการคืนความสุขให้ประชาชน ทำให้ประชาชนมีการจับจ่ายใช้สอยอย่างมาก จึงส่งผลมายังไตรมาส 2/ 58 ที่กำลังซื้อเริ่มเบาบางลง แต่อย่างไรก็ตามน่าจะฟื้นตัวได้ดีขึ้นในช่วงปลายปี โดยเราคาดว่ารายได้รวมปีนี้จะเติบโตได้ 6% จากปีก่อน"นายพันธ์ กล่าว