นางจันทรา กล่าวว่า การลงทุนจากนี้บริษัทฯจะเน้นการลงทุนในส่วนของธุรกิจขนส่งและการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะสอดคล้องกับนโยบายภาครัฐที่สนับสนุนโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยปัจจุบันบริษัทฯมีนิคมอุตสาหกรรมที่แม่สอดแล้ว และมีความสนใจที่จะไปพัฒนานิคมในเขตเศรษฐกิจอื่นๆ โดยพื้นที่ที่สนใจคือที่จ.สระแก้ว รวมถึงก็อยู่ระหว่างการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่สวนอุตสาหกรรมศรีราชาให้เป็น Japanese Town แบบครบวงจร โดยพัฒนาที่อยู่อาศัย 190 ยูนิต ซึ่งคาดว่าจะเสร็จภายในต้นปี 59
ด้านนายวิชัย กุลสมภพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ SPI กล่าวว่า การร่วมทุนครั้งนี้กลุ่มสหพัฒน์จะถือหุ้นในสัดส่วน 50% และ SEINO HOLDINGS ถือหุ้น 50% เบื้องต้นมีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท ซึ่งจะใช้ในการขยายจำนวนรถเป็นส่วนใหญ่
พร้อมตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจโลจิสติกส์ปีนี้ 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากในเครือสหพัฒน์ 80% และส่วนที่เหลือจะมาจากนอกกลุ่มสหพัฒน์ และบริษัทฯตั้งเป้าใน 3-5 ปี จะมีรายได้จากในกลุ่มสหพัฒน์ 50% และนอกกลุ่มสหพัฒน์ 50% โดย
โดยบริษัทฯมองว่าอนาคตประเทศไทยจะเป็นที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ซึ่งจะได้รับการพัฒนาสู่ตลาดและฐานการผลิตร่วมกันในภูมิภาค ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะนำไปสู่ความต้องการบริการโลจิสติกส์ในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ