ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าในปีแรกจะทำรายได้ราว 60 ล้านบาท และจะถึงจุดคุ้มทุนได้ภายใน 2 ปี ขณะที่ปี 59 จะมีรายได้ที่เติบโตเป็นเท่าตัว และน่าจะมีกำไรได้ในปี 60 รวมถึงเมื่อช่องดังกล่าวอยู่ในระดับที่สมดุลแล้วมองว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 40-50% และอัตรากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 20-30%
นางพรพรรณ กล่าวว่า มองว่าในปี 60 ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์แบบ เพราะสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุเพิ่มสูงขึ้น 20% หรือ 1 ใน 5 ของจำนวนประชากรทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันมี 67 ล้านคน ทำให้บริษัทฯ เล็งเห็นช่องว่างการทำตลาดกับคนกลุ่มนี้ โดยวันพรุ่งนี้จะเปิดรายการบนช่องเพลินทีวีทั้งสิ้น 10 รายการวาไรตี้ เจาะไลฟ์สไตล์รุ่นใหญ่โดยมุ่งเจาะกลุ่มเป้าหมายหลักอายุ 55 ปีขึ้นไป โดยมีรายการคุยเพลินเมืองไทย ,สโมสรสุขภาพดี ,สวัสดีคุณหมอ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นบริษัทฯได้ทดลองออกอากาศแล้วตั้งแต่ 1 มิ.ย. ที่ผ่านมา ปรากฎว่ากลุ่มรายการเพลงยอดนิยมในความทรงจำ มีกระแสตอบรับดีเกินคาด โดยช่วงเช้าและช่วงกลางวันตลอดวันถือว่าเป็นไพร์มไทม์ของสถานีที่มีผู้ชมจำนวนมาก
นางพรพรรณ กล่าวว่า สำหรับผลประกอบการโดยรวม ยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 4,600 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 4,333 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้ของธุรกิจสื่อจะอยู่ที่ 72-75% และที่เหลือจะเป็นธุรกิจที่มาจากเพลง อีเว้นท์ และคอนเสิร์ต ซึ่งคาดว่าในปี 59 จะมีสัดส่วนรายได้ในธุรจกิจสื่อขยับเพิ่มขึ้นเป็น 75-80% พร้อมกันนี้บริษัทฯตั้งงบลงทุนด้านคอนเท้นต์ไว้ 550-650 ล้านบาท
นอกจากนี้ มองภาพรวมการแข่งขันอุตสาหกรรมทีวีดิจิตอลและทีวีดาวเทียมจะดุเดือนมากขึ้น จากคนส่วนใหญ่ที่มีความสนใจเพียงการรับชมละครหรือรายการที่ตัวเองชอบ ไม่ได้สนใจว่าช่องที่ตัวเองชื่นชอบจะเป็นทีวีรูปแบบใด แม้ว่าปัจจุบันคนไทยจะรู้จักและรับชมดิจิตอลทีวี จากที่ออกอากาศมาแล้วกว่า 1 ปี แต่เนื่องด้วยโครงข่ายออกอากาศภาคพื้นดินยังไม่ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้ประชากรส่วนใหญ่ยังรับชมดิจิทัลทีวีผ่านจานดาวเทียม จึงมองว่าทีวีดาวเทียมยังคงเป็นแพลตฟอร์มใหญ่ที่น่าสนใจและไม่ควรมองข้ามและยังเป็นธุรกิจที่ทำเงินได้อีกยาวนาน