ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทได้ปรับลดเป้าหมายรายได้ลงเหลือ 2.2-2.3 พันล้านบาท จากเดิมตั้งไว้ 3 พันล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่หดตัวจากสภาพเศรษฐกิจชะลอตัว โดยขณะนี้บริษัทมียอดขายรอโอน(backlog)ราว 500 ล้านบาทที่จะรับรู้รายได้ภายในปีนี้ทั้งหมด
นายชัยรัตน์ โกวิทจินดาชัย ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักกรรมการผู้จัดการ PRIN เปิดเผยว่า บริษัทจะมีการทำดีลเข้าซื้อกิจการเกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ มูลค่าราว 4 พันล้านบาท เพื่อเข้ามาเสริมศักยภาพการเติบโตของบริษัท เนื่องจากกิจการที่บริษัทจะเข้าซื้อนั้นเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าระดับบน แตกต่างจากกลุ่มลูกค้าหลักของ PRIN
ดังนั้น บริษัทจึงได้ขอให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ขึ้นเครื่องหมาย "H" เพื่อหยุดพักการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทเป็นการชั่วคราวในช่วงบ่ายวันนี้ และในวันพรุ่งนี้ (1 ก.ค.58) บริษัทจะนำเรื่องเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่อปรึกษาหารือถึงความเป็นไปได้ในการลงทุน และวิธีการที่เหมาะสมในการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้
นายชัยรัตน์ กล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะมีรายละเอียดชัดเจนออกมาในวันที่ 2 ก.ค.58 เกี่ยวกับแหล่งที่มาของเงินทุน อย่างไรก็ตาม หากกระบวนการซื้อขายกิจการดังกล่าวแล้วเสร็จภายในปีนี้ ก็น่าจะสามารถนำผลการดำเนินงานของกิจการใหม่เข้ามารวมในงบการเงินของ PRIN ในช่วงปลายปีนี้
"เราจะนำเรื่องซื้อกิจการอสังหาฯนี้เข้าประชุมบอร์ดในวันพรุ่งนี้ และอีกวันหนึ่งก็จะได้ทราบรายละเอียดที่ชัดเจน มูลค่าการเข้าซื้อกิจการก็ประมาณ 4 พันล้านบาท ที่เราตัดสินใจจะซื้อกิจการนี้ก็เพราะมองว่าเสริมกันได้ ทำให้บริษัทเราก็เติบโตไปด้วย เมื่อรวมกันแล้วมันใหญ่ขึ้น แล้วกลุ่มลูกค้าก็เป็นคนละ segment ของเขาเป็นกลุ่มลูกค้า Hi End
ส่วนเรื่องจะใช้เงินซื้ออย่างไรก็ขอเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาบอร์ดวันพรุ่งนี้ก่อน ก็ดูวิธีการที่เหมาะสมที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการกู้ การแลกหุ้น หรือการเพิ่มทุน ก็ขอรอปรึกษาบอร์ดก่อน เพราะเราเงินทุนก๊ไม่เยอะมาก"นายชัยรัตน์กล่าว
นายชัยรัตน์ กล่าวอีกว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ได้มีการปรับลดเป้ารายได้เหลือ 2.2-2.3 พันล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ 3 พันล้านบาท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว ส่งผลให้กำลังซื้อและการตัดสินใจซื้อลดลงไป แต่บริษัทก็ยังมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 500 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ทั้งหมด
นอกจากนั้น บริษัทอาจเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ไม่ครบตามแผนที่ตั้งไว้ 5 โครงการ มูลค่า 5 พันล้านบาท โดยได้เปิดโครงการไปแล้วทั้งสิ้น 2 โครงการ มูลค่า 1.9 พันล้านบาทในช่วงครึ่งปีแรก ส่วนอีก 3 โครงการที่จะเปิดในช่วงครึ่งปีหลังนั้น บริษัทได้ชะลอแผนการเปิดออกไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากบริษัทจะต้องเก็บเงินลงทุนดังกล่าวไว้ใช้สำหรับการเข้าซื้อกิจการ