"หลังจากที่เราได้มีการยกเลิกแผนทำโรงไฟฟ้าขยะออกไป ทำให้ผลประกอบการปีนี้อาจจะออกมาขาดทุนหรือมีกำไรเล็กน้อย เนื่องจากต้นปีที่ผ่านมาได้มีการตัดขาดทุนธุรกิจเดิมทั้งหมดออกไป พวกขายซีดี แต่บริษัทก็ยังจะนำโครงการโรงไฟฟ้ากลับมาพิจารณาใหม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการลงทุนและผลตอบแทนไม่คุ้มค่า โดยรูปแบบการลงทุนใหม่และผลตอบแทนใหม่ คาดว่าจะสรุปได้ในเดือนส.ค.นี้"นายสามารถ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาเข้าซื้อกิจการและร่วมลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ 5-6 ธุรกิจ คาดว่าจะได้ข้อสรุปบางรายภายในเดือน ก.ค.นี้ โดยมีมูลค่าลงทุนรวมประมาณ 200-300 ล้านบาท โดยธุรกิจที่การเจรจาอยู่ ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีกสินค้าประเภทสมาร์ทโฟน-แท็บเล็ต และธุรกิจเกี่ยวกับโทรคมนาคมในลักษณะการวางโครงข่ายไฟเบอร์ออฟติค รวมถึงธุรกิจออนไลน์ เช่น การขายหนังผ่านโทรศัพท์มือถือ
นายสามารถ กล่าวว่า บริษัทคาดว่าในปีหน้ารายได้และกำไรจะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยจะมีรายได้แตะ 3,000 ล้านบาทหลังจากรับรู้รายได้ในธุรกิจร่วมทุนและกิจการใหม่ที่ซื้อเข้ามา จากปีนี้ที่คาดว่ารายได้ปีนี้จะอยู่ที่ราว 1,000 ล้านบาทและอาจมีผลกำไรหรือขาดทุนเล็กน้อย เนื่องจากบริษัทได้มีการปรับธุรกิจหลักในช่วงก่อนหน้านี้ โดยตัดธุรกิจที่มีผลขาดทุน และยกเลิกโครงการโรงไฟฟ้าที่ จ.เพชรบุรีออกไป
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทฯน่าจะดีขึ้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯได้มีการเจรจากับ บมจ.โทเทิ่ล แอคเซ็ส คอมมูนิเคชั่น(DTAC)เพื่อให้เข้าร่วมลงทุนในธุรกิจออนไลน์ และการบุกตลาดค้าปลีก คาดว่าจะเริ่มเห็นรายได้เข้ามาในช่วงครึ่งปีหลัง หลังจากธุรกิจเดิมที่มีการตัดขาดทุนออกจะหมดในไตรมาส 2/58
สำหรับเงินลงทุนในโครงการต่างๆ จะมาจากการเพิ่มทุนในครั้งที่ผ่านมา ปัจจุบันยังมีเงินเหลืออยู่ราว 1,000 ล้านบาท และในขณะเดียวกันยังมีความสามารถกู้สถาบันการเงินเพิ่มเติมได้ด้วย เนื่องจาก D/E อยู่ในระดับ 0