ขณะที่บริษัทจะมีการรับรู้รายได้และกำไรของธุรกิจสำรวจและขุดเจาะน้ำมันในบริษัท Pan Orient Energy (Siam) Limited(POES)ที่ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 49.99% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด แม้ว่าในช่วงไตรมาส 1/58 บริษัทจะรับรู้ผลขาดทุนเข้ามาประมาณ 1.85 ล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวลดลง แต่เชื่อว่าเป็นแค่ผลกระทบระยะสั้น เพราะช่วงที่เหลือของปีนี้ประเมินราคาน้ำมันน่าจะปรับตัวขึ้นไปสูงกว่า 60 เหรียญ/บาร์เรล หรือจะอยู่ในระดับ 75-90 เหรียญ/บาร์เรล และน่าจะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานโดยรวม
นอกจากนี้ บริษัทยังคงมองโอกาสซื้อกิจการธุรกิจสำรวจและขุดเจาะน้ำมันเพิ่มเติมอีก ซึ่งจะขึ้นอยู่กับจังหวะและเงื่อนไขของการซื้อ ขณะเดียวกันก็มีความสนใจที่จะเข้าร่วมประมูลสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ด้วย ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างหาพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีด้านปิโตรเลียม และมีศักยภาพด้านการเงิน เพื่อเตรียมความพร้อมเมื่อรัฐบาลประกาศให้มีการประมูล
ส่วนการเข้าซื้อหุ้นใน บริษัท นครชัยปราการ เคมีภัณฑ์ จำกัด(NPC) ด้วยวิธีการแลกหุ้นมูลค่า 220 ล้านบาทในช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมานั้น คาดว่าจะมีการเซ็นสัญญาได้ภายในเดือน ส.ค.นี้ หลังจากนั้นน่าจะใช้ระยะเวลา 6-7เดือนในการปรับปรุงโรงแยกคอนเดนเสท(condensate splitter) และจะรับรู้เป็นรายได้เข้ามาอย่างเร็วที่สุดในช่วงปลายเดือน ธ.ค.58 หรืออย่างช้าต้นปี 59 คาดผลตอบแทนการลงทุนในโครงการดังกล่าวราว 20% และสามารถคืนทุนได้ภายใน 4-5 ปี
"แผนการดำเนินงานในอนาคตเราจะขยายธุรกิจที่เน้นในส่วนของน้ำมัน ปิโตรเลียม ทั้งหมด จะเห็นได้จากการที่เราเริ่มธุรกิจเป็นการขายน้ำมัน และเราก็เริ่มมองหาธุรกิจที่เป็นแหล่งขุดเจาะเข้ามาเพิ่มเติม และก็มองไปจนถึงการกลั่นน้ำมันด้วย ซึ่งปัจจุบันเรามีสัดส่วนรายได้ในธุรกิจการขายน้ำมัน 92.2% และธุรกิจขุดเจาะน้ำมัน 7.8%"นางสาวนีรชา กล่าว