ส่วนแผนการรับมือปัญหาน้ำในอนาคต กลุ่มบริษัทได้ประกาศชัดอีก 5 ปีข้างหน้าภาคตะวันออกไร้ปัญหาเรื่องน้ำ ตอบรับนโยบายตามยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ โดยอีสท์วอเตอร์ได้วางแผนการพัฒนาแหล่งน้ำระยะยาวสามารถรองรับความต้องการใช้น้ำของทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมและอุปโภคบริโภคได้ในอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งโครงการที่กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการมีด้วยกัน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการวางท่อเชื่อมโยงอ่างเก็บน้ำประแสร์-หนองปลาไหล จ.ระยอง และโครงการพัฒนาสระเก็บน้ำดิบทับมา จ.ระยอง ทั้ง 2 โครงการจะเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้กับบริษัทได้อีก 117 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี และเมื่อรวมกับน้ำต้นทุนเดิมที่มีอยู่ประมาณ 340 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี จะทำให้อีสท์ วอเตอร์ มีปริมาณน้ำต้นทุนเพิ่มขึ้นเป็น 457 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี
"นอกจากจะมองเรื่องการพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุนให้เพียงพอกับความความต้องการแล้ว อีสท์ วอเตอร์ ยังให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำสะอาดของชุมชนตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทยอีกด้วย โดยมีแผนเร่งพัฒนาระบบประปาชุมชนตามแนวท่อควบคู่กันไป เราตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายในปี 2560 ชุมชนกว่า 25 แห่ง จะมีน้ำสะอาดใช้ ที่ผ่านมาอีสท์วอเตอร์ เดินหน้าตามยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อสร้างความมั่นใจกับทุกภาคส่วน และเตรียมแผนขยายระบบจากภาคตะวันออกสู่พื้นที่อื่นๆ โดยเฉพาะเขตเศรษฐกิจพิเศษที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับน้ำของประเทศ"นายวิทยา กล่าว
สำหรับภาคตะวันออกทั้งจังหวัดชลบุรีและระยอง ถือเป็นจังหวัดยุทธศาสตร์ที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจประเทศ ซึ่งมีปริมาณการใช้น้ำค่อนข้างสูง ดังนั้นจึงต้องมีการวางแผนในการบริหารจัดการน้ำเพื่อรับมือปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งในอนาคตอย่างบูรณาการ โดยในภาคตะวันออกเป็นภูมิภาคเดียวที่มีโครงข่ายท่อส่งน้ำที่เชื่อมโยงแหล่งน้ำหลักเข้าด้วยกันเกือบทั้งหมด ความยาวกว่า 394.5 กม.ซึ่งบริหารจัดการโดย EASTW Fดยเมื่อเร็วๆ นี้นายกรัฐมนตรียังได้ยกให้ อีสท์วอเตอร์ โมเดล เป็นแบบอย่างเพื่อแก้ปัญหาน้ำอย่างเป็นระบบในทุกภาคของประเทศ