ขณะเดียวกัน มีปัจจัยภายในประเทศหลังตลาดเริ่มเห็นสัญญาณการปรับเพิ่มประมาณการของกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มปรับตัวดีกว่าตลาด (Outperform) ในช่วงไตรมาสที่ 3/2258
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม ได้แก่ ความเสี่ยงกรีซอาจเกิดขึ้นหากผลการลงประชามติออกมาไม่ยอมรับแผนปฎิรูปของกลุ่มเจ้าหนี้ หรือหากรัฐบาลชุดนี้ประกาศลาออก จะทำให้โอกาสที่กรีซจะได้รับเงินช่วยเหลือยืดเยื้อออกไป ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้แก่ ECB มูลค่า 3.5 พันล้านยูโร ในวันที่ 20 กรกฎาคมนี้ และจากสถานการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond yield) ของประเทศพัฒนาแล้วที่ยังคงอยู่ในระดับสูงเป็นปัจจัยสำคัญกดดันให้เม็ดเงินลงทุน (Fund flow) ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยไม่มากนัก รวมถึงการปรับลดประมาณการของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงทำประมาณการ(Preview) ผลประกอบการในช่วงต้นเดือน อย่างไรก็ดีมองการย่อตัว (Downside) มีจำกัด และเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน
กลยุทธ์การลงทุนในเดือนนี้แนะนำให้ซื้อขายตามกรอบดัชนี 1,480-1,550 โดยหากดัชนีมีการปรับตัวลงมาบริเวณ 1,480 จุด มองเป็นโอกาสที่ดีในการเพิ่มน้ำหนักหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเป็นระดับที่มีมูลค่าราคา (Valuation) ที่น่าสนใจ สำหรับหุ้นแนะนำตามบทวิจัย The Big Picture ได้แก่ IRPC, IFEC, BLA, TCAP, CCET, JMT, PTTGC, BTS, WHA, BANPU, IVL, TPOLY, SUPER, HANA, TISCO, CEN, VNG, TVT PTT, EVER
สำหรับผลตอบแทนของหุ้นที่แนะนำในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา อยู่ที่ระดับ 4.6% ในขณะที่ผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทย (SET Total Return index) อยู่ที่ 0.6% โดยผลตอบแทนของ The Big Picture นับตั้งแต่การจัดตั้ง 60 เดือน อยู่ที่ 746% เทียบกับ SET Total Return index ที่ 126%