นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ในปี 57 บริษัทได้ลดการปล่อยน้ำทิ้งออกจากโรงงาน และนำน้ำทิ้งกลับมาใช้ใหม่คิดเป็นปริมาณน้ำมากกว่า 730,000 ลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นจากปี 56 จำนวน 140,000 ลูกบาศก์เมตร และในอนาคตบริษัทมีแผนจะนำน้ำทิ้งจากกระบวนการผลิตกลับมาใช้ใหม่ เป็นสัดส่วนมากกว่า 45% ของปริมาณน้ำทิ้งจากกระบวนการผลิต
นอกจากนี้ ยังได้ร่วมมือกับ กรมชลประทาน ,การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ,การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ,บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก(EASTW) และกลุ่มผู้ประกอบการ จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการน้ำภาคตะวันออก จ.ระยอง เพื่อจัดทำแผนบริหารจัดการน้ำในระยะสั้นและระยะยาว ลดปัญหาการใช้น้ำระหว่างภาคอุตสาหกรรมและชุมชน โดยมีแผนงานระยะสั้น เป็นการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งกักเก็บน้ำ ได้แก่ ขุดลอกอ่างเก็บน้ำ การพัฒนาบ่อน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก การเสริมความสูงแก่ทางระบายน้ำล้น (Spillway) ของอ่างเก็บน้ำในภาคตะวันออก โดยการดำเนินงานตามแผนนี้ จะทำให้มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นในภาคตะวันออกอีก 224 ล้านลูกบาศก์เมตร ในปี 60
ทางด้านแผนบริหารจัดการน้ำระยะยาว เป็นการเพิ่มแหล่งน้ำใหม่ในพื้นที่ที่มีศักยภาพ การจัดทำเครือข่าย อ่างเก็บน้ำพื้นที่ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา ได้แก่ โครงการเครือข่ายอ่างเก็บน้ำ (อ่างพวง) อันนื่องมาจากพระราชดำริเพื่อการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน และรองรับการใช้น้ำในภาพรวมอีก 20 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ การบริหารจัดการน้ำที่ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนได้ร่วมมือกัน จะช่วยแก้ปัญหาวิกฤติน้ำแล้งในภาคตะวันออกในอนาคตได้อย่างบูรณาการ และมั่นใจได้ว่าภาคตะวันออกจะไม่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำทั้งภาคอุตสาหกรรม ครัวเรือน และภาคเกษตรกรรม