วานนี้ นายรัฐชัย ภิชยภูมิ กรรมการบริหาร บมจ.พีเออี(ประเทศไทย)(PAE) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะพลิกมีกำไร จากปีก่อนที่ขาดทุน 635 ล้านบาท ขณะที่คาดว่ารายได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีรายได้ 1.1 พันล้านบาท โดย ณ สิ้นปี 57 บริษัทมีงานในมือ(Backlog)ราว 1.4 พันล้านบาทที่จะทยอยรับรู้รายได้ปีนี้และปีหน้า ขณะที่บริษัทเข้ายื่นประมูลงานใหม่มูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท โดยในไตรมาสแรกปีนี้ได้รับงานแล้ว 100 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าจะทยอยรู้ผลในช่วงครึ่งปีหลัง
"ปีนี้เราพยายามทำให้มีกำไร แต่ถ้ารายได้ได้ต่ำกว่าประมาณการที่ 1 พันล้านบาทก็อาจจะทำไม่ได้ งานหลักเรามี gross margin อยู่ที่ 15-25% เราเชื่อว่าปีที่แล้วบริษัท bottom out ไปแล้ว"นายรัฐชัย กล่าว
สำหรับธุรกิจหลักของบริษัท คือ งานประกอบอุปกรณ์โครงสร้างเหล็กท่อใช้กับธุรกิจ Oil and Gas ช่วงที่ผ่านมาธุรกิจขุดเจาะและผลิตปิโตรเลียม (Oil and Gas) ธุรกิจปิโตรเคมี ชะลอการขยายการผลิตตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง แต่คาดว่าในช่วงปลายปี 58 ราคาน้ำมันน่าจะพลิกฟื้น หลังจากที่คาดว่ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และปีหน้าก็คาดว่าธุรกิจเกี่ยวข้องกับน้ำมันจะกลับมาขยายการผลิตเพิ่มขึ้น จึงคาดว่าในปี 59 รายได้น่าจะกลับมาเติบโตได้ประมาณ 20%
ปัจจุบันบริษัทมีโรงงงานอยู่ 3 แห่ง ได้แก่ ที่สงขลา มีลูกค้าหลัก คือ เชฟรอน และ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP) , ลานกระบือ มี PTTEP เป็นลูกค้า และ ระยอง ดูแลการเชื่อมท่อ สร้างระบบท่อ โดยมีบริษัทในกลุ่ม ปตท.เป็นลูกค้าหลัก
นายรัฐชัย กล่าวว่า บริษัทมีผลขาดทุนสะสมประมาณ 2 พันล้านบาทที่เป็นผลมาจากงานเข้ารับงานเหมาก่อสร้างอาคารที่เป็นงานไม่ถนัดเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา และขณะนี้ยังไม่มีแผนล้างขาดทุนสะสม
ส่วนการเข้าซื้อหุ้นบริษัท พีพีเอส.เอนเนอยี แอนด์ มารีน จำกัด ในสัดส่วน 67.77% ของทุนชำระแล้ว คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุน 82 ล้านบาท บริษัทร่วมทุนมีแผนวางแนวท่อน้ำประปาในนิคมอุตสาหกรรมในภาคตะวันออกความยาว 60-100 กิโลเมตร คาดใช้เงินลงทุนไม่เกิน 800 ล้านบาท
โครงการดังกล่าวใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 1-2 ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 60 เพื่อรองรับกำลังการผลิต 30 ล้านลูกบาศก์ฟุต/ปี ผลตอบแทนการลงทุน 15% ใช้ระยะเวลาคืนทุน 6-7 ปี หากสร้างเสร็จทั้งหมดจะทำให้บริษัทสร้างรายได้เข้ามา 200 ล้านบาท/ปี และมีอัตรากำไรค่อนข้างสูง ซึ่งจะมีส่วนช่วยผลักดันกำไรของบริษัทสูงขึ้นด้วย จากที่ก่อนการลงทุนเพิ่มเติมธุรกิจดังกล่าวทำรายได้เพียง 60 ล้านบาท/ปี