อนึ่ง บริษัทต้องการจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) โดยมีธนาคารไทยพาณิชย์, บล.ฟินันซ่า, บล.ภัทร และบล.บัวหลวง เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
สำหรับหุ้นที่เสนอขาย IPO แบ่งเป็น ส่วนที่ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน 441,138,678 หุ้น หรือคิดเป็น 9.63% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่ออกและเสนอขายได้แล้วของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ และ ส่วนที่ 2 เป็นหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย บมจ. ปตท.(PTT) จำนวนไม่เกิน 1,477,062,369 หุ้น คิดเป็นประมาณ 32.23%
นอกจากนั้น บริษัทยังจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนอีกจำนวน 38,433,200 หุ้น เสนอขายให้แก่ผู้บริหารและพนักงาน ตามโครงการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้บริหารและพนักงาน(ESOP) และจัดสรรหุ้นจำนวน 191,820,100 หุ้น ซึ่งคิดเป็น 10% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายในครั้งนี้ จะเสนอขายต่อผู้จัดหาหุ้นส่วนเกินภายหลังการเสนอขายหุ้นที่จัดจำหน่าย เพื่อให้ผู้จัดหาฯ สามารถจัดหาหุ้นส่วนเกินจำนวนได้
ทั้งนี้ SPRC ประกอบธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม มีกำลังการกลั่นน้ำมันดิบ 165,000 บาร์เรล/วัน คิดเป็นกำลังผลิตประมาณ 13.2% ของกำลังการกลั่นน้ำมันดิบทั้งหมดของไทย
บริษัทยังผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ได้แก่ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล น้ำมันอากาศยาน และน้ำมันเตา รวมทั้งผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ได้แก่ โพรพิลีนเกรดโพลิเมอร์ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว แนฟทาเกรดปิโตรเคมี และรีเฟอร์เมท อีกทั้งยางมะตอยและกำมะถัน ที่เป็นผลพลอยได้ ซึ่งในปี 57 บริษัทมีปริมาณการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมทั้งหมดของโรงกลั่น 52.7 ล้านบาร์เรล
SPRC มี บริษัท เชฟรอน เซาท์ เอเชีย โฮลดิ้งส์ จำกัด ซึ่งอยู่ในเครือของ เชฟรอน เอเชียแปซิฟิค โฮลดิ้งส์ ถือหุ้น 64.0% หลังเสนอขายหุ้น IPO และการขายหุ้น ESOP(ภายใต้สมมติฐานว่าจะมีการใช้สิทธิซื้อหุ้นส่วนเกินทั้งจำนวน"จะลดสัดส่วนลงเหลือ 55.0% และ บมจ.ปตท.(PTT) ถือหุ้น 36% จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 0%
ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 57 มีรายได้รวม 7.03 พันล้านเหรียญสหรัฐ ผลขาดทุนสุทธิ 194.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ขาดทุนต่อหุ้น 0.05 เหรียญสหรัฐ จากปี 56 มีรายได้ 8.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ กำไร 128.6 ล้านเหรียญสหรัฐ กำไรต่อหุ้น 0.03 เหรียญสหรัฐ
และในงวด 3 เดือนแรกของปี 58 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.58 บริษัทมีรายได้รวม 45,363.9 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,600.9 ล้านบาท สินทรัพย์รวม 70,675.5 ล้านบาท หนี้สินรวม 23,767.1 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 46,908.3 ล้านบาท และสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)ที่ 0.5
ณ วันที่ 31 มี.ค.58 บริษัทมีทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วจำนวน 41,029,510,250 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 4,102,951,025 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท โดยที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทฯครั้งที่ 2/2558 เมื่อวันที่ 7 ก.ค.58 มีมติใหิบริษัทฯดำเนินการลดทุนโดยการลดมูลค่าที่ตราไว้จากเดิมหุ้นละ 10 บาท เป็นหุ้นละ 6.92 บาท
จากนั้นให้ออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 671,391,978 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 6.92 บาท ซึ่งภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนและชำระแล้วเพิ่มเป็น 32,772,495,836.76 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 4,735,909,803 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 6.92 บาท และเมื่อรวมหุ้นที่เสนอขาย ESOP แล้ว บริษัทฯ จะมีทุนจดทะเบียน 33,038,453,580.76 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 4,774,343,003 หุ้น
คณะกรรมการบริษัทฯ มีนโยบายที่จะพิจารณาเสนอจ่ายเงินปันผลประจำปีให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราส่วนประมาณร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิภายหลังจากการจัดสรรทุนสำรองต่าง ๆ ทุกประเภท