บริษัทได้วางแผนขยายการลงทุนภายในอีก 5 ปีข้างหน้าว่าบริษัทจะมีแผนพัฒนาโครงการอาคารสูง อย่างน้อย 5 โครงการ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนการลงทุนประมาณ 5,000 ล้านบาทในรูปแบบการออกแบบและก่อสร้างอาคารใหม่หรือการซื้ออาคารเพื่อปรับปรุงในการดำเนินธุรกิจออฟฟิศให้เช่า เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มศึกษาความเป็นไปได้เพื่อลงทุนในโครงการแรกในช่วงครึ่งปีหลังนี้เน้นทำเลบริเวณกลางใจเมืองกรุงเทพมหานคร
พร้อมกันนี้บริษัทได้วางแผนในการนำสินทรัพย์จากโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การดูแลของ ไอร่า พร๊อพเพอร์ตี้ ขายเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ในอนาคตผุดครึ่งปีหลัง 1 โปรเจค ยึดทำเลกลางในเมือง
นางนลินี งามเศรษฐมาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIRA เปิดเผยว่า ความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างสามบริษัทในครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญของบริษัทฯ ในการขยายการลงทุนไปในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งการจัดตั้ง บริษัท ไอร่า พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ก่อนหน้านี้ก็มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการขยายการลงทุนและกระจายความเสี่ยงในการลงทุน และเพื่อสร้างการเติบโตของรายได้ในอนาคตที่ยั่งยืนและมั่นคง เนื่องจากบริษัทเล็งเห็นว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มในการเติบโตสูง
“บริษัท ไอร่า พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด มีทุนประเดิม 200 ล้านบาท โดย AIRA ถือหุ้น 100% โดยไอร่า พร็อพเพอร์ตี้ จะเข้าถือหุ้นในบริษัทร่วมทุนกับพันธมิตร ทั้ง 2 รายนี้ ไม่น้อยกว่า 60% และในอนาคตเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไป"นางนลินี กล่าว
วัตถุประสงค์การร่วมมือของทั้ง 3 บริษัทเพื่อศึกษาการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะประเภทอาคารสูง ซึ่งจะพัฒนาเป็นอาคารสำนักงานให้เช่า เนื่องจากเล็งเห็นแนวโน้มการเติบโตอย่างโดดเด่นตามการการขยายตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลให้มีการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งยังเป็นการขับเคลื่อนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ร่วมกันในการสร้างโอกาสและผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต
นางนลินี กล่าวว่า โครงการร่วมทุนโครงการแรกที่จะเกิดขึ้นปลายปีนี้ มูลค่าลงทุนเกิน 2,000 ล้านบาท เป็นการพัฒนาอาคารใหม่ใจกลางเมือง เป็นอาคารขนาดกลาง-ใหญ่ เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบนสุด
"บริษัทร่วมทุนที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ โครงสร้างผู้ถือหุ้น ไอร่า พร็อพเพอร์ตี้ ถือ 60% อีก 40% เป็น 2 บริษัทพันธมิตร คือ SENA และบริษัท แสงฟ้าก่อสร้าง จำกัด ซึ่งยังไม่สรุปว่าถือคนละเท่าไร...ถ้าเริ่มต้นปลายปีนี้กว่าจะผ่านขั้นตอนขออนุญาตสิ่งแวดล้อมใช้เวลา 7-8 เดือน จากนั้นใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี น่าจะเสร็จปี 60 จากนั้นก็จะนำเข้ากอง REIT"นางนลินี กล่าว
พร้อมกันนี้ บริษัทฯได้วางแผนเพื่อขยายการลงทุนในบริษัทฯดังกล่าวภายในอีก 5 ปีข้างหน้าว่า บริษัทมีแผนจะพัฒนาโครงการอาคารสูง อย่างน้อย 5 โครงการ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวม ประมาณ 5,000 ล้านบาท ทั้งในรูปแบบการออกแบบและก่อสร้างอาคารใหม่ หรือ การซื้ออาคารมาปรับปรุงเป็นออฟฟิศให้เช่า เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มศึกษาความเป็นไปได้โครงการแรกในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เน้นทำเลกลางใจเมืองกรุงเทพมหานครที่ยังมีดีมานด์ของกลุ่มผู้เช่าทั้งในประเทศ และต่างประเทศสูง
"อีก 5 โครงการ ใน 5 ปี ต้องดูซัพพลาย โครงสร้างทางการเงิน อัตราดอกเบี้ย รวมทั้งสภาพเศรษฐกิจในขณะนั้นด้วย ซึ่งเบื้องต้นจะมองที่ออฟฟิศให้เช่าก่อน"นายนลินี กล่าว
นอกจากนั้น บริษัทยังได้วางแผนในการนำสินทรัพย์จากโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การดูแลของ “ไอร่า พร็อพเพอร์ตี้ " ขายเข้ากองทรัสต์ เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITS)ต่อไปในอนาคต โดยมองว่าขนาดกองที่เหมาะสมคือควรจะมีสินทรัพย์อย่างน้อย 3-5 อาคาร มูลค่ารวมประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท หรือมูลค่าโครงการละ 3 พันล้านบาท
ด้านนางเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการบริหาร SENA กล่าวถึงวัตถุประสงค์ความร่วมมือครั้งนี้ว่า จากการร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจระหว่าง AIRA ที่มีทีมงานมืออาชีพ มีประสบการณ์มายาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีความเชี่ยวชาญด้านตลาดทุนและตลาดเงินครบวงจร และ SENA ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากว่า 30 ปี พัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่องทั้งในรูปแบบบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ คอนโดมิเนียม
และในปีนี้บริษัทมีนโยบายเพิ่มสัดส่วนรายได้ที่เกิดขึ้นประจำ (Recurring Income) ให้อยู่ในระดับ 10% เพื่อกระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจและบริหารรายได้ของบริษัท โดยในช่วงที่ผ่านมา SENA มีรายได้จากค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ในหลายรูปแบบ โดยไตรมาส 1 อยู่ที่ 59.40 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 12 % ของรายได้ทั้งหมด และเชื่อว่าการร่วมลงทุนในครั้งนี้จะสร้างรายได้ให้กับบริษัทในระยะสั้น เนื่องจากมีแผนจะขายเข้ากอง REIT
นอกจากนั้น ในการร่วมทุนครั้งนี้ยังมี บริษัท แสงฟ้าก่อสร้าง จำกัด ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านงานรับเหมาก่อสร้าง มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในอันดับต้นๆของประเทศ เป็นบริษัทร่วมทุนอีกด้วย ซึ่งในแต่ละฝ่ายต่างก็มีจุดแข็งของตนเอง แต่สามารถนำมาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว และเราเชื่อว่าจะกลายเป็นสามประสานที่ยิ่งใหญ่และช่วยกันเสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจใหม่เจริญรุ่งเรืองต่อไปได้ในอนาคต
ขณะที่นายแพทย์เชิดศักดิ์ อัมพรสุขสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสงฟ้าก่อสร้าง จำกัด กล่าวว่า จากวิสัยทัศน์ที่จะเป็นบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ของประเทศตลอดระยะเวลากว่า 45 ปีที่ผ่านมา บริษัทจึงทุ่มเทและมุ่งมั่นในการพัฒนาศักยภาพเพื่อให้ได้คุณภาพสูงสุดตามความต้องการของลูกค้าจวบจนปัจจุบัน
บริษัทได้รับความไว้วางใจให้เป็นพันธมิตรคู่สัญญาในการดำเนินการก่อสร้างโครงการอาคารขนาดใหญ่จำนวนมาก อาทิเช่น โครงการ THE NICHE MONO RATCHAVIPHA ของ SENA, โครงการ FENIX METROPOLIS ของ บริษัท ฟีนิกซ์ เพาเวอร์ จำกัด, โครงการ MENAM RESIDENCES CONDOMINIUM ของ บริษัท แม่น้ำ เรสซิเดนท์ จำกัด , โครงการ MAGNOLIAS RATCHADAMRI BOULEVARD ของ บริษัท แมกโนเลีย ไฟน์เนสท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นต้น