"กองทุนต่าง ๆ ที่เข้ารับฟังข้อมูล เขามองการเติบโตเป็นหลักว่าจะเติบได้จริงหรือไม่ และผู้บริหารทำงานจริงหรือเปล่า ซึ่งผู้บริหาร TVT ทำงานกันหนักมาก ทั้งการสร้างธุรกิจให้เติบโต ทั้งธุรกิจใหม่ และธุรกิจเดิม รวมถึงสร้างโมเดลธุรกิจ หรือโปรดักส์ใหม่ ๆ มากขึ้นเพื่อบริหารความเสี่ยง และที่สำคัญเราเองมีแผนรองรับการเติบโตธุรกิจที่ชัดเจนจับต้องได้ ซึ่งเมื่อผลการดำเนินงานของบริษัทมีการเติบโต พร้อมกับการบริหารจัดการที่ดี ก็จะสร้างผลตอบแทนที่ดีตามไปด้วย"นายพิรัฐ กล่าว
นายพิรัฐ กล่าวอีกว่า หลังจากการพูดคุย และให้ข้อมูลแล้วนั้นได้รับกระแสตอบรับที่น่าพอใจจากกองทุนต่าง ๆ เนื่องจากวิเคราะห์ว่าโมเดลธุรกิจของ TVT ค่อนข้างที่จะได้เปรียบผู้ประกอบการรายอื่นในกลุ่มมีเดียด้วยกัน เพราะ TVT เป็นผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ หรือ Content Provider แต่ไม่ได้เข้าประมูลใบอนุญาตทีวีดิจิตอล จึงไม่มีภาระในการจ่ายค่าใบอนุญาต และที่สำคัญยังได้รับอานิสงส์จากช่องรายการที่เพิ่มมากขึ้น จากเดิมมีเพียง 6 ช่อง เป็น 24 ช่อง ทำให้มีโอกาสที่จะผลิตรายการป้อนสู่ช่องทีวีต่างๆ มากขึ้นตามไปด้วย
รวมถึงกองทุนต่างๆมองว่าธุรกิจของ TVT มีแนวโน้มการเติบโตในอนาคตอย่างต่อเนื่อง และมีการวางแผนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตรองรับการผลิตรายการที่มากขึ้นอีกด้วย โดย TVT จะสามารถใช้งานสตูดิโอแห่งใหม่มูลค่ากว่า 200 ล้านบาทได้ในช่วงเดือนเมษายนปี 2559 ซึ่งสตูดิโอแห่งใหม่นอกจากจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตรายการโทรทัศน์ให้กับบริษัทฯได้มากขึ้น ยังสามารถเปิดให้เช่าสตูดิโอเพื่อสร้างรายได้อีกทางหนึ่งด้วย