นอกจากนี้จะให้บริษัทร่วมทุนที่จัดตั้งขึ้นใหม่ ภายใต้ ชื่อบริษัท โมเดิร์นกรีน จำกัด ซึ่ง SENA ถือหุ้น 50% และบริษัท ConfidanteCapital จำกัด ถือ 50% เข้าซื้อกิจการบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้าง (EPC) เพื่อการติดตั้งโซลาร์รูฟ โดยขณะนี้เจรจาอยู่ 2 ราย คาดสรุปใน 2 เดือนนี้ เพื่อเข้ามาเสริมทัพการทำธุรกิจโซลาร์รูฟโครงการบ้านของ SENA ให้ใหญ่ขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งอาจเป็นลักษณะของการแลกหุ้นระหว่างกัน
ทั้งนี้ บริษัทไม่ได้กังวลต่อเงินลงทุนที่จะใช้ในการขยายงานดังกล่าวมากนัก เนื่องจากยังมีเงินสด(cash) เพียงพอ ประกอบการการร่วมทุนมีหลายรูปแบบ อีกทั้งแบงก์ก็พร้อมที่จะสนับสนุนการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนอยู่แล้ว ขณะที่บริษัทก็มีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)ระดับ 1.3 เท่า
"งบลงทุนรวมปีนี้ ไม่ได้ตั้งมากกว่าทุกปีถึงแม้จะลงทุนหลายอย่าง เพราะอาจใช้รูปแบบสว็อปแชร์ซึ่งก็มีกลไกหลายอย่างที่ไม่ต้องใช้เงินสดเยอะมาก และธุรกิจพลังงานทดแทน แบงก์ช่วยได้"นางเกษรา กล่าว
นางเกษรา กล่าวอีกว่า สำหรับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักนั้นปีนี้ยังคงเป้ารายได้รวม 3,000 ล้านบาท จากยอดขายรอโอน (backlog) ที่ปัจจุบันมีกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะโอนและรับรู้รายได้ปีนี้ราว 50% หรือประมาณ 1,000 ล้านบาท ขณะที่รายได้ในไตรมาส 2/58 น่าจะใกล้เคียงไตรมาส 1/58 ที่มีรายได้ 517 ล้านบาท
ส่วนยอดขายครึ่งปีแรกทำได้แล้วกว่า 2,000 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปีที่ 4,500 ล้านบาท ประกอบกับในช่วงครึ่งปีหลังจะเปิดใหม่อีก 5 โครงการรวมมูลค่า 5,000 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียม 1 โครงการ The Niche Pride เพชรบุรี ซึ่งเป็นโครงการใหญ่มูลค่า 3,000 ล้านบาท และจะเปิดแนวราบอีก 4 โครงการในช่วงที่เหลือของปี จากแผนการเปิดโครงการทั้งปีนี้ที่ 11 โครงการ รวมมูลค่า 1 หมื่นล้านบาท โดยเปิดโครงการไปแล้วในช่วงครึ่งปีแรก 6 โครงการ
"ปีนี้เป้ารายได้ 3,000 ล้านบาท คงได้ตามเป้า ไม่น่าจะเกิน ซึ่งมี backlog แล้ว 2,000 ล้านบาท ขณะที่โครงการแนวราบก็ไปได้เรื่อยๆ ไม่ได้แย่ ส่วนคอนโดมิเนียมอาจจะ sensitive หน่อย แต่มองแนวโน้มครึ่งหลังรายได้ก็คงจะตามเป้า ถึงแม้ยอดขายบางโครงการจะ drop แต่บางโครงการก็ดีกว่าคาด"
นางเกษรา กล่าวด้วยว่า สำหรับยอดปฏิเสธสินเชื่อของบริษัทปัจจุบันอยู่ระดับ 8-10% ใกล้กับปีก่อน หลังจากที่บริษัทได้มีการคัดเลือกลูกค้ามากขึ้นเพื่อนำเสนอขอสินเชื่อต่อสถาบันการเงิน