บลจ.วรรณ คงเป้า AUM ปีนี้แม้ส่อเค้าทะลุเป้า มองตลาดหุ้นครึ่งปีหลังยังผันผวน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 9, 2015 17:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ามูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ในปีนี้จะเติบโต 30% มาอยู่ที่ระดับ 1.07 แสนล้านบาท จากปีก่อน 8.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตที่มากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ว่า AUM ปีนี้จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 9 หมื่นล้านบาท แต่อย่างไรก็ตาม บลจ.วรรณ จะไม่มีการปรับเป้าหมาย AUM เพิ่มขึ้น เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นยังมีแนวโน้มผันผวนต่อเนื่อง

สำหรับการเติบโตในช่วงที่ผ่านมา จะมาจากกองทุน 4 ประเภท คือ กองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนอสังหาริมทรัพย์

ทั้งนี้ บลจ.วรรณ คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต 25% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 95 ล้านบาท โดยปัจจุบันผลประกอบการเติบโตไปแลัวกว่าครึ่ง เนื่องากบริษัทออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง

"เรายังเน้นการลงทุนในประเทศเป็นหลัก เพราะเราเชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังภาครัฐฯจะมีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณออกมา เพื่อใช้ลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆของประเทศ ประกอบกับสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้น ทำให้ภาครัฐฯต้องเข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งจะช่วยให้เงินเข้าไปสู่ระบบได้เร็วขึ้น ส่งผลให้แนวโน้มเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นด้วย"นายวิน กล่าว

นายวิน กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปีจะมีความผันผวนค่อนข้างสูง โดยมองกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนี(SET Index)จะอยู่ที่ 1,450-1,550 จุด บนระดับ P/E 15 เท่า แต่หากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ และเร่งโครงการโครงสร้างพื้นฐานออกมาได้ทันจะเป็นตัวช่วยผลักดันดัชนีฯ ให้ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 1,650 จุด ส่วนปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อขายของนักลงทุนรายย่อย 65%

ส่วนปัจจัยจากต่างประเทศ เช่น กรีซ เชื่อว่าจะไม่เป็นผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยมากนัก โดยมองว่าเป็นเพียงผลกระทบต่อ Sentiment การลงทุนระยะสั้นเท่านั้น ซึ่ง ECB น่าจะมีเครื่องมือทางการเงินเพียงพอที่จะรองรับกับสถานการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้น ขณะที่สถานการณ์ในจีนยังมีแนวโน้มผันผวนสูง เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นไปค่อนข้างมาก การปรับลงมา 30% ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลก ขณะเดียวกันภาครัฐของจีนมีอำนาจในมือแบบเบ็ดเสร็จสามารถดูแลสถานการณ์ต่างๆได้ และหากเศรษฐกิจมีการชะลอตัวจริง ก็เชื่อว่าจีนมีกำลังมากพอที่จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นได้อย่างรวดเร็ว

สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจในญี่ปุ่น ปัจจุบันก็เริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยได้รับปัจจัยบวกโดยเฉพาะการส่งออกที่มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากค่าเงินปรับตัวอ่อนค่าลง และจะได้รับการสนับสนุนจาก QE ด้วย ทำให้บริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่มีผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้น

อย่างไรก็ตามแผนการกระจายพอร์ตการลงทุนของบลจ.วรรณ จะเน้นการลงทุนในประเทศเป็นหลัก โดยให้สัดส่วนการลงทุนราว 85% และอีก 15% จะเป็นการลงทุนในต่างประเทศ (การลงทุนในต่างประเทศจะแบ่งเป็นลงทุนตราสารหนี้ 50% และในหุ้น 50%)

ด้านนายมณฑล จุนชยะ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.วรรณ แนะนำให้เลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ได้ผลประโยชน์จากการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ และบริษัทที่จะได้รับผลประโยชน์จากการขยายโครงข่าย 4G โดยเชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ได้ผลประโยชน์จากโครงการต่างๆจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้น

พร้อมกันนี้หากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในช่วงไตรมาส 2/58 ออกมาได้ดี ยังเชื่อว่า GDP จะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 3% ตามที่หลายๆฝ่ายได้มีการประเมินไว้ โดยยังต้องติดตามการเร่งผลักดันโครงการโครงสร้างพื้นฐาน และการเร่งเบิกจ่ายภาครัฐว่าจะออกมาตามแผนที่วางไว้หรือไม่ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าภาครัฐจะเร่งเบิกจ่ายงบประมาณต่างๆได้ตามแผนอย่างแน่นอน ในขณะเดียวกันค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลง เชื่อว่าจะเป็นผลดีต่อประเทศไทย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ