"เราก็คุยได้ดีขึ้นอีกขั้นตอนหนึ่งแล้ว เพราะเราคุยกันแล้วมีเคมีที่ตรงกัน เขาเป็น Strategic Partner มีความเกี่ยวข้องทางเทคโนโลยีที่จะช่วยให้บริษัทมีเข้มแข็งมากขึ้น แต่ความร่วมมือจะไปถึงขั้นไหนตอนนี้เรายังไม่สามารถสรุปได้ สูงสุดก็คงจะเป็นการทำ M&A"นายวิจิตร กล่าว
สำหรับผลประกอบการในปีนี้ บริษัทคงเป้ารายได้เติบโต 18-20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 360 ล้านบาท แม้ช่วงครึ่งปีแรกการเติบโตจะไม่มากนัก เนื่องจากมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ที่จะต้องใช้ระยะเวลาในการนำเสนอต่อตลาด และหน้างานของลูกค้าไม่พร้อมในการติดตั้ง ส่งผลให้มีความล่าช้าในการส่งสินค้า อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าช่วงครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากคำสั่งซื้อที่จะเข้ามาหลังจากนำเสนอสินค้าใหม่ไปแล้ว รวมทั้งการทยอยเปิดศูนย์การค้าที่ป็นสาขาขนาดใหญ่จะทำให้มีความต้องการใช้สินค้าของบริษัทเพิ่มขึ้นด้วย
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายรักษาอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่อยู่ในระดับ 27.21% แม้ช่วงไตรมาส 1/58 จะทำได้เพียง 5.85% แต่ตามภาวะปกติกำไรขั้นต้นจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับ บริษัทมีแนวทางในการบริหารจัดการต้นทุนให้ดียิ่งขึ้นด้วย
ส่วนแผนการสร้างคลังสินค้าและอาคารสำนักงานแห่งใหม่พื้นที่ราว 3,000 ตารางเมตรนั้น นายวิจิตร เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างทำรายละเอียดเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยเพื่อทเริ่มก่อสร้างได้ในปีนี้ โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างราว 3 เดือน และพร้อมใช้งานช่วงปลายปีทันที ส่วนเรื่องของมูลค่าการลงทุนนั้นบริษัทอยู่ระหว่างการสรุปตัวเลข
นายวิจิตร ยังคงปฎิเสธกระแสข่าวลือก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า บมจ.นิปปอน แพ็ค (ประเทศไทย)(NPP)จะเข้ามาซื้อกิจการ FVC โดยยืนยันว่าตนเองไม่มีนโยบายที่จะขายหุ้นออกไป หลังจากเดินหน้าขยายงานมาโดยตลอด
"ส่วนตัวเองผมก็รู้จักนายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย (กรรมการผู้จัดการของ NPP) เพราะเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยที่เรียนธรรมศาสตร์ แลัว แต่ข่าวที่บอกว่าทาง NPP จะเข้ามาเทคโอเวอร์ FVC นั้นไม่เป็นความจริง ผมไม่ได้คุยเรื่องการเทคโอเวอร์เลย และผมไม่ขายหรอก ซึ่งที่ผ่านมาก็เห็นว่าผมมุ่งเน้นที่จะขยายงานมาตลอด และก็ยังหาธุรกิจใหม่ๆเข้ามาเพิ่มเติมด้วย"นายวิจิตร กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"