“ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยยังคงฟื้นตัวได้อย่างช้า ๆ และขาดความต่อเนื่อง การบริโภค อุปสงค์ภาคเอกชนและการผลิตยังคงอ่อนแอ การส่งออกยังคงหดตัว นอกจากนี้ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) ได้ปรับประมาณการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยลงมาเล็กน้อยจากเดิม 3.5% มาอยู่ที่ 3.2% โดยเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะปรับตัวดีขึ้น และมองว่าแรงขับเคลื่อนหลักจะมาจากการลงทุนภาครัฐ อย่างไรก็ตามภาพรวมการดำเนินธุรกิจตลอดทั้งปียังนับว่าต้องเผชิญกับความท้าทาย"นางอรนุช กล่าว
กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 58 กลุ่มทิสโก้จะยังคงเดินหน้าตามแผนงานเดิมที่ได้วางไว้ โดยมุ่งเน้นการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ การเพิ่มช่องทางการขายและการตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ตลอดจนการขยายโอกาสธุรกิจผ่านพันธมิตรทางธุรกิจ รวมทั้งการพัฒนากระบวนการทำงานและเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และการพัฒนาบุคลากรเพื่อสร้างความมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
ครึ่งแรกของปี 58 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 14.0% มาอยู่ที่ 2,196 ล้านบาท รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 4.4% จากการปรับลดของค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย และมีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจหลักปรับตัวสูงขึ้นที่ 4.0% จากการปรับตัวดีขึ้นของธุรกิจตลาดทุน รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์เติบโตถึง 21.0% ตามปริมาณการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯที่เพิ่มขึ้น
อีกทั้งรายได้ค่าธรรมเนียมพื้นฐานของธุรกิจจัดการกองทุนเพิ่มขึ้น 38.7% จากการปรับตัวดีขึ้นของภาวะตลาดทุนและการออกกองทุนที่ตอบรับความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มทิสโก้มีผลการดำเนินงานไตรมาส 2/58 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 1.2% มาอยู่ที่ 1,004 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น 3.0% สอดคล้องกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยตั้งแต่ช่วงต้นปี 58 ประกอบกับการบริหารต้นทุนเงินทุนที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจหลักเพิ่มขึ้น 0.7% จากการปรับตัวดีขึ้นของธุรกิจจัดการกองทุน
สำหรับเงินให้สินเชื่อรวมของกลุ่มทิสโก้ ณ วันที่ 30 มิ.ย.58 มีจำนวน 249,341 ล้านบาท ลดลง 2.0% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยได้รับผลกระทบจากการอ่อนตัวของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อเพื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ (Car Inventory Financing) ตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัวช้าและตลาดรถยนต์ที่ยังไม่ฟื้น อย่างไรก็ดีสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่ออเนกประสงค์ยังคงปรับตัวดีขึ้นตามแผนการขยายธุรกิจของกลุ่มทิสโก้
ในขณะเดียวกัน หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 2.65% เป็น 2.86% จากฐานสินเชื่อที่ลดลงและหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาลจากวันหยุดยาวในระหว่างไตรมาส
ทั้งนี้ จากภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัวและไม่แน่นอนสูง กอปรกับบริษัทยังคงความสามารถในการสร้างรายได้ในระดับที่ดีและจากนโยบายที่จะเพิ่มความระมัดระวังอย่างสูงภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว บริษัทได้พิจารณาเพิ่มสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญเฉพาะงวด เพื่อรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัว โดยในไตรมาส 2/58 กลุ่มทิสโก้มีการตั้งค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้น 2.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ตามนโยบายการตั้งสำรองอย่างระมัดระวังอย่างยิ่งในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ในขณะที่ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญของสินเชื่อเช่าซื้อยังคงปรับตัวดีขึ้นตามผลขาดทุนจากการขายรถยึดที่เริ่มดีขึ้นตามลำดับ
กลุ่มทิสโก้ยังคงสามารถควบคุมต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ คงอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้รวมอยู่ในระดับต่ำที่ 36.5% นอกจากนี้ ยังคงรักษาระดับฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งมาโดยตลอดทั้งปี โดยมีประมาณการอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์ (BIS Ratio) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 17.4% สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำ โดยมีอัตราเงินกองทุนชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 13.0% และ 4.4% ตามลำดับ