ITD ราคาอยู่ที่ 8.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท(+0.62%) มูลค่าซื้อขาย 40.48 ล้านบาท
CK ราคาอยู่ที่ 27.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท(+0.93%) มูลค่าซื้อขาย 62.39 ล้านบาท
UNIQ ราคาอยู่ที่ 17.80 บาท เพิ้มขึ้น 0.30 บาท(+1.71%) มูลค่าซื้อขาย 21.91 ล้านบาท
บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กระทรวงคมนาคมจะเสนอคณะรัฐมนตรีในวันนี้ให้พิจารณาแผนการก่อสร้างทางหลวงระหว่างเมือง(Motorway)3 เส้นทางที่ผ่านการอนุมัติรายงานสิ่งแวดล้อม(EIA) แล้ว มูลค่าการลงทุนรวม 1.6 แสนล้านบาท แยกเป็นเส้นทาง บางปะอิน-นครราชสีมา มูลค่า 8.46 หมื่นล้านบาท , บางใหญ่-กาญจนบุรี 5.56 หมื่นล้านบาท และ พัทยา-มาบตาพุด 2.02 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ ในส่วนของโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า อยู่ระหว่างกระบวนการ 3 เส้นทาง ได้แก่ สายสีส้ม(ศูนย์วัฒนธรรม- มีนบุรี) ซึ่ง ครม.ได้เห็นชอบไปแล้วแต่มีปัญหาเรื่องการคัดค้านของชุมชน ต้องทำความเข้าใจ
ขณะที่อีก 2 เส้นทาง ได้แก่ สายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และ สายสีชมพู (แคราย - มีนบุรี) เบื้องต้นได้ข้อสรุปว่าจะทำงานในระบบ PPP โดยรัฐบาลจะรับภาระในด้านการเวนคืนที่ดินส่วนเอกชนจะลงทุนในด้านงานก่อสร้าง ระบบการเดินรถ และ บริหารการเดินรถ โดยในส่วนของรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และสีชมพูคาดว่าจะนำเสนอต่อ ครม.ได้ในช่วงปลายปี 2558 สำหรับทั้งสองกรณีดังกล่าวน่าจะส่งผลบวกต่อ Sentiment การเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ ทั้ง 4 บริษัท ได้แก่ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์(ITD),บมจ.ช.การช่าง(CK), บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น(STEC)และ บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น(UNIQ)โดยหุ้นที่ฝ่ายวิจัยเลือกเป็น Top Pick ได้แก่ CK ให้ราคาเหมาะสมที่ 31.25 บาท การขับเคลื่อนโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่เข้าสู่ระบบ ถือเป็นความพยายามของภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามกระบวนการในการดำเนินอย่างอย่างใกล้ชิด เนื่องจากในกระบวนการดำเนินการปกติหลังจากผ่านการอนุมัติของ ครม.มาแล้ว กว่าจะที่เห็นการเซ็นสัญญาก่อสร้างกับผู้รับเหมาฯ อาจใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปี ซึ่งก็หมายความว่าเม็ดเงินลงทุนที่แท้จริงอาจเข้ามาสู่ระบบในปี 2559 สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจในปัจจุบันเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวเล็กน้อย โดยจากการรายงานดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือน พ.ค.ปรับตัวดีขึ้น 9.4% mom แต่เมื่อเทียบกับปีที่แล้วยังคงหดตัว 7.6% ปัจจัยบวกมาจากอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อบริโภคในประเทศ (ส่งออกน้อยกว่า 30%) ที่ขยายตัว 1.43% เช่น การกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม รวมถึงยอดขายปูนที่เพิ่มขึ้นถึง 3.88% yoy ซึ่งน่าจะเป็นผลจากโครงการก่อสร้างต่างๆ