BH ปรับขึ้น 3.50% มาที่ 207 บาท เพิ่มขึ้น 7 บาท มูลค่าการซื้อขาย 53.76 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.25 น. โดยเปิดตลาดที่ 200 บาท ราคาปรับขึ้นสูงสุดที่ 208 บาท และต่ำสุดที่ 200 บาท
ขณะที่หุ้น BDMS ปรับขึ้น 0.96% มาที่ 21 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท มูลค่าการซื้อขาย 177.39 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 21 บาท ราคาปรับขึ้นสูงสุดที่ 21.10 บาท และต่ำสุดที่ 20.80 บาท
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะหฺ์ว่า ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มโรงพยาบาลของไทยที่ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว ส่วนในแง่ราคาหุ้น ยังคงให้บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ(BDMS) เป็น Top pick จากส่วนต่างราคาหุ้นเมื่อเทียบกับเป้าหมายที่ 24.30 บาท โดยมีปัจจัยหนุนในเชิงพื้นฐานจากการขยายโรงพยาบาลที่ต่อเนื่องในอนาคตและฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้ยังมองว่าธุรกิจในกลุ่มโรงพยาบาลจะได้รับอานิสงส์บวก จากกรณีที่ล่าสุดนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงกลยุทธ์การท่องเที่ยวของไทยที่จะดำเนินการต่อเนื่องถึงปี 60 จะเน้นให้ความสำคัญกับการยกระดับการท่องเที่ยวของไทยให้สูงขึ้นจากปัจจุบันที่มีราคาถูกและเน้นปริมาณ เพื่อให้กลายเป็นเป้าหมายการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ โดยมองว่าการปรับกลยุทธ์ดังกล่าว จะช่วยให้ธุรกิจการท่องเที่ยวไทยเป็นไปอย่างยั่งยืนจากนักท่องเที่ยวในกลุ่มที่มีรายได้สูงให้มากขึ้น และเป็นอานิสงส์บวกของกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาล
ด้านบล.ยูโอบี เคย์เฮียน(ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่าถึงหุ้น BDMS โดยมองว่ามี upside ที่สูงที่สุดในกลุ่มโรงพยาบาล ด้วยราคาเป้าหมายที่ให้ไว้ที่ 25.50 บาท ทำให้ upside สูงถึง 24% ได้รับปัจจัยบวก จากการจะสร้างตึกเพิ่มอีก 6 ตึก แต่ละตึกมี 60 เตียง ลงทุน 6 พันล้านบาท และ 2 พันล้านบาท เพื่อซื้ออุปกรณ์การแพทย์ โดยจะสร้างไว้รองรับผู้ป่วยต่างชาติจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) โดยคาดว่าจะช่วยเพิ่ม capacity ได้ถึง 74% ภายในปี 61
นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดโรงพยาบาลเพิ่ม คือสมิทติเวช ชลบุรีในปีนี้ และเปาโลรังสิต และจอมเทียน Hospital ในปีหน้า และตั้งใจจะซื้อโรงพยาบาลเพิ่มอีก 7 โรงพยาบาลให้มีครบทั้งหมด 50 แห่ง ขณะที่มีอัตราส่วนของผู้ป่วยต่างชาติมีมากขึ้นเรื่อยๆ เป็น 30% เทียบกับ 25% เมื่อ 5 ปีก่อน รวมถึงมีแผนขยายธุรกิจขายยาและเวชภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นสูงกว่าธุรกิจโรงพยาบาลทั่วไป ขณะที่มองว่าหุ้น BDMS จัดเป็นหุ้น defensive ที่ต้านตลาดและเศรษฐกิจขาลงได้ดี