การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 1,490.62 จุด และแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 1,479.65 จุด
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงและดูจะอ่อนกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวกเล็กน้อยหลังเรื่องของกรีซได้มีลงมติผ่านแผนปฏิรูปฯต่อที่ประชุมรัฐสภาไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ปัจจัยที่มากดดันตลาดฯมาจากเรื่องของราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง หลังจากที่อิหร่านสามารถตกลงกับประเทศตะวันตกได้ ทำให้ทางอิหร่านสามารถส่งออกน้ำมันได้ จึงมีผลต่อราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลง แต่สำหรับตลาดบ้านเราปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบน่าจะมาจากเรื่อง outlook ด้านเศรษฐกิจ ที่รมว.คลังได้ออกมาระบุว่าตัวเลข GDP ของไทยในครึ่งปีหลัง(H2/58)น่าจะแย่กว่าครึ่งปีแรก(H1/58) และก็มี House ใหญ่ ๆ เริ่มออกมาปรับลดประมาณการ GDP ด้วย ทำให้คนคิดว่าเศรษฐกิจอาจจะไม่ดีกว่าที่คาดหรือเปล่า จึงได้มีแรงขายหุ้นในกลุ่มแบงก์ และกลุ่มพลังงานออกมา
นอกจากนี้ หลายบริษัทฯเริ่มที่จะออกมาปรับลดประมาณการปีนี้กันแล้ว รวมถึงนักวิเคราะห์ฯก็คงจะปรับลดประมาณการด้วยเหมือนกัน ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นผลจากเศรษฐกิจในประเทศที่ไม่ขยายตัวเท่าไร
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายธนเดช กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งตัวในแดนลบอยู่หลังจากได้รับรู้เรื่องของกรีซไปแล้ว แต่ตลาดฯเริ่มเป็นกังวลเรื่องเศรษฐกิจในประเทศ อย่างไรก็ดีนักลงทุนสามารถเลือกเล่นหุ้นเป็นรายตัวได้ โดยมองกลุ่ม ICT น่าจะเป็นจุดพักเงินที่ดีได้ในตอนนี้ จากที่นายกฯให้ดำเนินการการประมูล 4G ได้ พร้อมให้แนวรับ 1,480-1,460 จุด ส่วนแนวต้าน 1,490 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
TPIPL มูลค่าการซื้อขาย 2,068.51 ล้านบาท ปิดที่ 2.68 บาท ลดลง 0.24 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,242.85 ล้านบาท ปิดที่ 297.00 บาท ลดลง 7.00 บาท
JAS มูลค่าการซื้อขาย 878.63 ล้านบาท ปิดที่ 5.30 บาท ลดลง 0.15 บาท BR มูลค่าการซื้อขาย 843.81 ล้านบาท ปิดที่ 11.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 744.50 ล้านบาท ปิดที่ 99.25 บาท ลดลง 1.25 บาท