(เพิ่มเติม) "คอมเซเว่น"เล็งขาย IPO 300 ล้านหุ้น เคาะราคาปลาย ก.ค.เข้าเทรด ส.ค.นี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 16, 2015 17:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.คอมเซเว่น(COM7) มีแผนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO)จำนวน 300 ล้านหุ้น คาดเคาะราคาเสนอขายปลายเดือน ก.ค.และสามารถนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์(SET)ได้ในเดือนส.ค.นี้

ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 5% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 14,000 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรสุทธิตั้งเป้าเพิ่มเป็น 2% จาก 1.29% ปี 57 จากการเน้นสินค้ามาร์จิ้นสูง โดยตั้งเป้ามี 500 สาขาในปี 60 จาก 317 สาขาปีนี้ และปี 59 เตรียมรุกตลาดพม่า-เวียดนาม พร้อมกับมุ่งขยายฐานลูกค้ากลุ่ม SME-สถานศึกษา-ภาครัฐ

นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร COM7 เปิดเผยว่า ภายในปลายเดือน ก.ค.นี้คาดว่าจะสามารถเคาะราคาหุ้น IPO 300 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) 0.25 บาทต่อหุ้น โดยคาดว่าจะเสนอขายหุ้น IPO และนำหุ้นเข้าทำการซื้อขายใตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ภายในเดือน ส.ค.นี้

ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้เพื่อนำไปใช้ชำระหนี้ระยะสั้นที่มีอยู่ 20 ล้านบาท และจะนำเงินไปขยายสาขาร้านบานาน่าไอทีและร้านไอสตูดิโอ รวมถึงร้านสาขาอื่นๆ โดยในปี 60 บริษัทตั้งเป้ามีสาขาเพิ่มเป็น 500 สาขา ครอบคลุมทุกจังหวัดและอำเภอรองในประเทศไทย จากปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 317 สาขา ใช้เงินลงทุน 3-10 ล้านบาทต่อสาขาสำหรับสาขาใหญ่ และเงินลงทุน 1 ล้านบาทต่อสาขาสำหรับสาขาเล็ก

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนการรุกเปิดสาขาในพม่าและเวียดนามในปี 59 หลังจากมีการเข้าไปศึกษามาแล้ว

อีกทั้งบริษัทจะนำเงินส่วนหนึ่งมาเป็นกระแสเงินสดสำหรับรองรับงานเกี่ยวกับการติดตั้งและวางระบบคอมพิวเตอร์ให้กับธุรกิจเอสเอ็มอี สถานศึกษา และหน่วยงานรัฐ ซึ่งปัจจุบันบริษัทยังไม่มีรายได้ในส่วนนี้ จึงเห็นโอกาสที่จะเข้าไปรับงานดังกล่าวเนื่องจากมีคู่แข่งน้อย และตลาดมีความต้องการมาก ซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมสูงถึงปีละ 5 หมื่นล้านบาท โดยจะใช้หน่วยงานบานาน่า บิสซิเนสในการดำเนินงาน เริ่มงานได้ตั้งแต่เดือน ส.ค.นี้ และตั้งเป้ายอดขายจากธุรกิจดังกล่าวในปี 59 ที่ 2 พันล้านบาท

นายสุระ กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้บริษัทได้ตั้งเป้ารายได้เติบโต 5% จากปีก่อนที่มียอดขาย 1.41 หมื่นล้านบาท เป็นผลมาจากยอดขายสมาร์ทโฟนที่ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยอดขายแล็บท็อปในปีนี้ยังมีการเติบโตที่ดีขึ้นมากกว่าช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากแท๊บเล็ตได้รับความนิยมน้อยลงหลังจากไม่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

นอกจากนี้บริษัทยังได้มีการปรับปรุงระบบภายในโดยฌพาะปรับปรุงความรวดเร็วในการขนส่งสินค้าไปสุ่หน้าร้านจาก 4 วัน เป็น 1 วัน เพื่อลดความเสียโอกาสในการขายสินค้า อีกทั้งมีการจัดหาสินค้าที่ให้อัตรากำไรขั้นต้นที่ดีมาขายในร้าน อย่างเช่น Gadget และ Accessory ที่เป็นสินค้าเฮาส์แบรนด์ ซึ่งทำยอดขายได้ดีในช่วงที่ผ่านมาเพื่อจะผลักดันให้อัตรากำไรสุทธิในปีนี้ให้เพิ่มขึ้นเป็น 2% จากปีก่อนที่ 1.47%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ