บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า บมจ.ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์(TUF) แจ้งสัดส่วนเพิ่มทุน 6:1 ราคาหุ้นละ 16 บาท บริษัทจะได้เงิน 1.27 หมื่นล้านบาท เป็นค่าซื้อ Bumble Bee (US$1,510) ส่วนที่เหลือจะมาจากการกู้ การเพิ่มทุนจะมี EPS Dilution 14% ส่วนราคาเป้าหมายหลังเพิ่มทุนจะลดลงเป็น 19 บาทจากเดิม 22.50 บาท การซื้อ Bumble Bee เป็นบวกกับบริษัทในระยะยาว แต่ผลประกอบการในปีนี้ต้องเผชิญกับค่าใช้จ่าย M&A และ EPS Dilution แนะ"รอซื้ออ่อนตัว"
ด้านบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า TUF คาดว่ากำไรหลัก 2Q58 ฟื้นตัวกว่า q-o-q ถึง 72% เป็น 1 พันล้านบาท สืบเนื่องจากยอดขายทูน่าซึ่งเป็นฤดูกาลที่ดีและอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งส่วนใหญ่มาจากธุรกิจทูน่า การบริโภคที่ยุโรปอยู่ในระดับที่สูง อีกทั้งการขายสต็อคราคาถูกได้เกิดขึ้นไปแล้วใน 1Q58 ขณะเดียวกันภาวะเงินบาทที่อ่อนค่าก็ส่งผลดีกับบริษัทในเรื่องรายได้ในสกุลบาทที่มากขึ้น
แต่สัดส่วนค่าใช้จ่ายขาย-บริหารเทียบกับรายได้กลับเพิ่มขึ้นเป็น 10.3% เพราะมีค่าใช้จ่ายดีล Bumble Bee และการส่งเสริมการจำหน่าย ด้านการเปรียบเทียบกับ y-o-y คาดการณ์กำไร 2Q58 ลดลงถึง 25% เนื่องจากฐาน 2Q57 ดีเป็นพิเศษ ซึ่งเกิดขึ้นจากต้นทุนทูน่ามีการปรับตัวลงอย่างมาก นอกจากนี้ คาดว่าผลการดำเนินงานในงวดครึ่งปีหลัง (2H58) จะยิ่งแข็งแกร่ง เพราะเป็นฤดูกาลส่งออกที่ดี รวมทั้งการฟื้นตัวของธุรกิจกุ้ง ด้านการได้รับ Bumble Bee เข้ามาใน TUF คาดว่าดีลจะปิดได้ในเดือน ต.ค.58 นั่นคือปีนี้จะมีรายได้จาก Bumble Bee เข้ามาประมาณ 2 เดือน
ด้านการเพิ่มทุนแบบ PPO (Preferential Public Offering) นั้นได้มีการประกาศจำนวนหุ้นเพิ่มทุนและราคาขายในวันศุกร์ที่ผ่านมา ปรากฎว่าเป็น 795 ล้านหุ้น หรือ 6 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ และราคาขายเป็น 16.00 บาท (คิดเป็นส่วนลด 22% จากราคาตลาดเฉลี่ยที่ 20.40 บาท) ตามลำดับ Dilution Effect เป็น 14.3% ทั้งนี้เรื่องจำนวนหุ้นและราคาออกมาดีกว่าที่เราคาดไว้ก่อนหน้าที่เป็น worst case scenario ดังนั้นเม็ดเงินที่จะได้รับคือ 12.7 พันล้านบาท (หรือ 380 ล้านเหรียญสหรัฐ หากให้ 1 เหรียญสหรัฐเท่ากับ 33.50 บาท) ส่วนจำนวนเงินที่ต้องใช้ลงทุนที่เหลืออีก 37.9 พันล้านบาทก็จะใช้วิธีการกู้เพิ่ม
โดยยังคงคำแนะนำ "ซื้อ"หุ้น TUF ราคาพื้นฐานใหม่เป็น 26.70 บาท ซึ่งประเมินด้วย P/E ปี 59 ที่ 19 เท่า (ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี + 1 SD)มองเห็นถึงจุดเด่นของ TUF คือ การเป็นผู้เล่นรายใหญ่สินค้าอาหารทะเลในระดับโลก ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตที่สดใสในระยะยาว ความสามารถในการแข่งขันสูง เพราะฐานการผลิตอาหารที่มีหลากหลายแห่งในประเทศต่างๆ รวมทั้งตรายี่ห้อในปัจจุบันก็มีความแข็งแกร่งมาก เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก