โครงการดังกล่าวสืบเนื่องจากมติคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2558 เมื่อวันที่ 15 ม.ค.58 เพื่อต่อยอดธุรกิจจัดการกากอุตสาหกรรมให้ครบวงจรยิ่งขึ้น โดยนำวัสดุอุตสาหรรมไม่ใช้แล้วที่ไม่เป็นอันตรายมาบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์สูงสุด สามารถสร้างรายได้เป็นกระแสเงินสดไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว ถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่กลุ่มบริษัทฯอย่างแท้จริง ในขณะเดียวกันยังสนองต่อนโยบายของรัฐบาลที่มีเป้าหมายจัดการวัสดุอุตสาหกรรมไม่ใช้แล้วให้เป็นระบบ โดยบรรจุไว้เป็นวาระแห่งชาติ และประการสำคัญยังสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ระบบในประเทศด้วย
โครงการผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าของบริษัทได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI) เป็นเวลา 8 ปี และขายไฟฟ้าที่ผลิตได้ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ในระบบให้เงินสนับสนุนตามต้นทุนที่แท้จริง (Feed in Tariff) หรือ FiT อัตราค่าไฟ 6.78 บาท/หน่วยใน 8 ปีแรก และอยู่ที่ระดับ 6.08 บาท/หน่วย ใน 12 ปีถัดไปซึ่งถือเป็นผู้ประกอบการผลิตไฟฟ้าจากวัสดุอุตสาหกรรมไม่ใช้แล้วรายแรกของไทยที่มีโครงการขายไฟฟ้าให้กับ กฟภ.ในระบบดังกล่าว และยังเป็นผู้ประกอบการรายแรกที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐในระบบ FiT ในการนำเอาสิ่งเหลือใช้จากอุตสาหกรรมมาแปรรูปใช้ประโยชน์ในการผลิตไฟฟ้า
"โครงการโรงไฟฟ้าแห่งนี้ตามกำหนดจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 14-16 เดือน และคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมจ่ายไฟประมาณกลางปี 59 ตามเป้าหมายเดิมที่ได้วางไว้ ซึ่งบริษัทจะรับรู้รายได้ทันทีในปีเดียวกัน"นายสุวัฒน์ กล่าว