DRT ศึกษาแผนขยายกำลังการผลิตรองรับส่งออกโต คาดใช้งบลงทุน 200-300 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 21, 2015 14:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสาธิต สุดบรรทัด กรรมการผู้จัดการ บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร (DRT) กล่าวว่า บริษัทอยู่ศึกษาแผนการลงทุนขยายกำลังการผลิตโรงงานในประเทศเพื่อรองรับตลาดส่งออกขยายตัว โดยคาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 200-300 ล้านบาท จากปัจจุบันมีกำลังผลิตรวม 982,000 ตันต่อปี หลังมีแผนจะขยายตลาดส่งออกเพิ่มขึ้น

ในปีนี้บริษัทวางเป้าหมายจะมีสัดส่วนยอดขายจากตลาดส่งออกจะเป็น 15% ของยอดขายรวมทั้งหมด เน้นกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีโอกาสเติบโตอีกมาก ขณะที่เร่งขยายการส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ในอาเซียนและเอเชีย ได้แก่ อินโดนีเซีย บรูไน จีนและอินเดีย ตลาดให้การตอบรับเป็นอย่างดี และลูกค้าให้การยอมรับในแบรนด์และคุณภาพสินค้า

"ปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้ตลาดส่งออกในกลุ่ม CLMV ขยายตัวดีนั้น เนื่องจากมีกลุ่มนักลงทุนต่างชาติได้เข้าไปพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก เช่น โรงแรม อาคารสำนักงาน และกลุ่มนักลงทุนเหล่านี้มีความเข้าใจในการใช้สินค้าเพื่อลดระยะเวลาการก่อสร้าง เช่น ประเทศเมียนมาร์ ที่มีการนำแผ่นบอร์ดมาใช้ก่อสร้างผนังภายในอาคารเพิ่มเติมจากเดิมที่ใช้ในงานติดตั้งฝ้าเพดาน ส่งผลให้มีความต้องการใช้สินค้ากลุ่มแผ่นบอร์ดเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ DRT ยังได้ส่งสินค้าผลิตภัณฑ์กระเบื้องหลังคาเข้าไปจำหน่าย จึงทำให้ยอดส่งออกสินค้าไปยังประเทศเมียนมาร์ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ดีเกินความคาดหมาย โดยมีอัตราเติบโตอย่างก้าวกระโดด"นายสาธิต กล่าว

นายสาธิต กล่าวอีกว่า เวียดนามก็เป็นตลาดที่มีศักยภาพในการขยายตัวได้ต่อเนื่อง หลังผ่านช่วงเศรษฐกิจตกต่ำมาแล้วและผู้บริโภคมีพฤติกรรมการใช้ไม้สังเคราะห์ เพื่อตกแต่งผนังภายนอกให้สวยงามเข้ากับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยมากขึ้น ส่วนประเทศลาวนั้น ก็เป็นประเทศที่มีประชากรกำลังซื้อสูงอยู่มากพอสมควรและเป็นกลุ่มที่มีรสนิยมดีพร้อมจับจ่ายซื้อสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง จึงมั่นใจว่าจะมีโอกาสขยายตลาดได้อีกมาก

นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างการมองหาพันธมิตรในกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ท้องถิ่นในประเทศเมียนมาร์ เพื่อร่วมนำเสนอสินค้าเจาะเข้าสู่กลุ่มลูกค้าโครงการที่อยู่อาศัย โดยใช้จุดแข็งของ DRT ซึ่งเป็นตราสินค้าจากไทยที่ผู้บริโภคให้การยอมรับในเรื่องคุณภาพ

สำหรับแผนการขยายกำลังการผลิตของโรงงานในประเทศนั้น จะต้องใช้เวลาติดตั้งเครื่องจักรและเตรียมความพร้อมด้านการผลิตไม่ต่ำกว่า 8-12 เดือน ดังนั้น บริษัทจึงต้องเตรียมการวางแผนล่วงหน้าเพื่อรองรับความต้องการสินค้าวัสดุก่อสร้างภายในกลุ่มประเทศ CLMV รวมถึงภายในประเทศหากเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวที่ชัดเจน

"เราต้องดูปัจจัยสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดวัสดุก่อสร้างภายในประเทศ และความต้องการสินค้าในกลุ่มประเทศ CLMV ว่ายังมีการขยายตัวได้ดีหรือไม่ ซึ่งหากปัจจัยดังกล่าวข้างต้นมีความชัดเจน เราก็พร้อมที่จะลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตทันที"นายสาธิต กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ